สรุปเนื้อหา สหรัฐอเมริกากำลังทำลายอนาคตของคนรุ่นใหม่อย่างไร โดย Scott Galloway

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงจากเวที TED เมื่อ Scott Galloway ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและพิธีกรรายการพอดแคสต์ชื่อดังได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯนั้นประสบความทุกข์ยากในด้านการเงินรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา

เขาได้พูดถึงรากเหง้าของปัญหาและผลกระทบของสิ่งที่เปรียบเสมือนเป็นการปล้นความมั่งคั่งไปจากคนรุ่นใหม่ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น และจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร

Scott Galloway ได้พูดถึงว่าสหรัฐฯ กำลังทำลายอนาคตของคนรุ่นใหม่ผ่านความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ การขาดโอกาสในการศึกษา และการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากคนรุ่นใหม่ไปสู่กลุ่มคนสูงวัย

Highlights

💔 คนรุ่นใหม่มีรายได้น้อยลงและประสบกับภาวะค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นในด้านการศึกษาและที่อยู่อาศัย นำไปสู่การขาดโอกาสและยากที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง

💼 ค่าแรงขั้นต่ำไม่เพิ่มขึ้นตาม productivity ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ถูกประเมินค่าในตลาดแรงงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

🏡 ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านพุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของครัวเรือน ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้

💰 ความมั่งคั่งถูกถ่ายโอนจากคนรุ่นใหม่ไปสู่คนรุ่นเก่า ทำให้คนรุ่นใหม่มีอำนาจในการควบคุมรายได้และความมั่งคั่งของครอบครัวตนเองลดลงไป

🎓 ค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับสูงมีราคาแพงขึ้นและคนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยมักให้ความสำคัญกับความฟุ้งเฟ้อแต่ผู้สอนส่วนใหญ่กลับมีความรับผิดชอบน้อยลง

📉 ค่าจ้างตามไม่ทันเมื่อเทียบกับกำไรอันมหาศาลขององค์กรธุรกิจ (โดยเฉพาะธุรกิจขนาดยักษ์) ทำให้คนรุ่นใหม่เก็บเงินและสร้างความมั่งคั่งได้ยากขึ้น

🧠 โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีส่งผลเสียต่อสภาวะทางอารมณ์และสภาพจิตใจของคนรุ่นใหม่ นำไปสู่การทำร้ายตัวเองและภาวะซึมเศร้าที่น่าวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น

Key Insights

💸 ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากคนรุ่นใหม่ไปสู่เหล่าคนสูงวัยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตั้งใจ มันเป็นสิ่งที่สร้างความโกรธเคืองรวมถึงเป็นการสร้างความอับอายให้กับคนรุ่นใหม่

🗳️ อำนาจทางการเมืองของคนรุ่นเก่า ซึ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า (จำนวนโหวต) ได้ส่งผลให้นโยบายต่างๆ ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของพวกเขาเหนือกว่าคนรุ่นใหม่

🏦 วิกฤตการเงินในปี 2008 และการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้เพิ่มความรุนแรงของการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากคนรุ่นใหม่ไปสู่คนรุ่นเก่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับคนรวยและทิ้งให้คนรุ่นหลังต้องรับภาระหนี้สิน

🌍 แนวทางการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ การลดค่าเล่าเรียนและเพิ่มการรับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาระดับสูง การนำระบบภาษีแบบก้าวหน้ามาใช้ การลงทุนในการดูแลเด็กและการศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา รวมถึงต้องมีการปฏิรูประบบประกันสังคมและภาษี

💡นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความสามารถของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากพวกเขาคือคนรุ่นต่อไปและความสำเร็จของพวกเขาจะเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตสืบต่อไป

สรุปเนื้อหา งานประมาณ 50% จะถูกแทนที่ด้วย AI ภายใน 3 ปี โดย Kai-Fu Lee

เป็นบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของ Kai-Fu Lee เทพแห่งวงการเทคโนโลยีคนหนึ่งของจีน ผู้แต่งหนังสือชื่อดังอย่าง AI SUPERPOWERS

ตามคำกล่าวของจากบทสัมภาษณ์กับ Fortune ในครั้งนี้ Kai-Fu Lee ได้ประเมินไว้ว่าประมาณ 50% ของงานจะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในระยะเวลา 3 ปี เขาได้อภิปรายถึงผลกระทบของ AI ในอนาคตและความท้าทายที่มนุษย์ต้องเผชิญกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Highlights

🤖 AI เป็นเครื่องมือที่มีพลัง แต่อาจไม่สามารถให้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์ได้

🌍 เทคโนโลยี AI กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ

💰 คาดการณ์ว่า OpenAI และ Nvidia จะกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ (เตรียมช้อนกันได้เลย)

🧠 AI จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเข้ามาแย่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานพวก white-collar (คนที่ทำงานในออฟฟิศ พนักงานตามออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือน)

🏭 งานพวก blue-collar ที่ใช้แรงงานเป็นหลักอาจได้รับผลกระทบช้ากว่า แต่โดยรวมแล้วการที่ AI เข้ามาแย่งงานจะเป็นความท้าทายที่สำคัญ

🎓 การยอมรับเครื่องมือ AI และการมุ่งเน้นทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต

🌟 AI ไม่สามารถทดแทนในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกและการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ ซึ่งมันจะยังคงมีความจำเป็นในสังคม

Key Insights

🤖 ผลกระทบของ AI ต่อการเข้ามาแย่งงานเป็นข้อกังวลที่สำคัญ โดยคาดว่าประมาณ 50% ของงานจะถูกแทนที่ด้วย AI ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำลังแรงงาน และจำเป็นที่ทุกคนต้องมีการ Upskill ของตนเอง

🌍 ตลาด AI ถูกครอบงำโดยประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัทเช่น OpenAI และ Nvidia ที่คาดว่าจะกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและโอกาสการเติบโตที่มหาศาลในอุตสาหกรรม AI

💰 ศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งในตลาด AI นั้นสูงมาก โดยคาดว่าบริษัทต่างๆ จะเติบโตอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นระหว่างผู้ที่มีการเข้าถึงเทคโนโลยี AI และผู้ที่ไม่มี

🧠 การเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ สำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นจำเป็นต้องยอมรับ AI เป็นเครื่องมือและส่งเสริมการใช้งานของมัน นอกจากนี้ การเน้นย้ำทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ที่สูง เช่น ทักษะการทำงานเป็นทีม และเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในโลกที่ AI ไม่สามารถจำลองคุณสมบัติเหล่านี้ได้

🏭 การที่ AI เข้ามาแย่งงานนั้นจะส่งผลกระทบทั้งต่อตำแหน่งงานพวก white-collar (คนทำงานในออฟฟิศ) และ blue-collar (กลุ่มผู้ใช้แรงงาน) แต่อัตราการถูกแทนที่อาจแตกต่างกัน ในขณะที่งานพวก white-collar อาจได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว งานพวก blue-collar ก็จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกันเมื่อเทคโนโลยี AI ก้าวหน้ามากขึ้น

🌟 คุณลักษณะเฉพาะมนุษย์เรา เช่น อารมณ์ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ และการปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั้นจะยังคงมีคุณค่าอยู่ แม้ AI จะมีความก้าวหน้า AI อาจสามารถจำลองคุณสมบัติเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่อารมณ์ความรู้สึกและการปฏิสัมพันธ์กันของมนุษย์แท้จริงก็จะยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในสังคม