Geek Monday EP233 : Volkswagen จากเบอร์หนึ่งสู่เส้นทางการล่มสลายในตลาดประเทศจีน

Volkswagen และ Toyota เคยเป็นผู้นำยอดขายในจีน แต่ปัจจุบันกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็วให้กับบริษัทจีนรุ่นใหม่ที่ดึงดูดผู้ซื้อในประเทศด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยและราคาย่อมเยา เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากที่บริษัทรถยนต์ดั้งเดิมเหล่านี้โดยเฉพาะ Volkswagen ที่เคยครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง พวกเขาทำผิดพลาดอะไร รัฐบาลปักกิ่งทำอะไรถูกต้อง และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

บริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่กำลังประสบปัญหาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีน เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดจากบริษัทจีนที่เสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีกว่าและราคาถูกกว่า

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3dwdspn8

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/yrztxncw

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/3dmp7phk

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/CKuQQ_JGQWM

สรุปเนื้อหา ภาวะผู้นำในโลกที่แตกแยก โดย Morris Chang แห่ง TSMC และ Joe Tsai แห่ง Alibaba Group

เป็นบทสัมภาษณ์สองเทพแห่งวงการเทคโนโลยีที่น่าสนใจจากช่อง Asia Society ทั้ง Dr. Morris Chang ผู้ก่อตั้ง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) และ Joe Tsai ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Alibaba Group สองสุดยอดผู้นำธุรกิจและนักนวัตกรรมระดับโลก

ทั้งสองได้มาแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับภาวะผู้นำ การศึกษา และนวัตกรรมสำหรับโลกที่กำลังเผชิญความตึงเครียดจากปัญหาทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจโลกที่กำลังแตกแยก และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมอย่างรวดเร็ว โดยมี Ida Liu (Global Head of Citi Private Bank) เป็นผู้ดำเนินรายการ

Highlights

🌟 Dr. Morris Chang เล่าถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังการก่อตั้ง TSMC ในไต้หวัน และโมเดลธุรกิจที่พวกเขานำมาใช้

💡 Joe Tsai ได้แบ่งปันเส้นทางชีวิตจากการทำงานในวงการ private equity สู่การร่วมก่อตั้ง Alibaba กับ Jack Ma โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจสำคัญ ๆ ของบริษัท

🔐 เรื่องราวความแตกแยกระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยเน้นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

🎓 ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษาในเอเชียและสหรัฐอเมริกา

🌐 Dr. Chang พูดถึงความท้าทายและความก้าวหน้าในเทคโนโลยีชิป โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาทางออกสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน

🌟 Joe Tsai ได้แบ่งปันคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำ: ในด้านสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) และความอ่อนน้อมถ่อมตัว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

🌍 มุมมองที่มองโลกในแง่ดีต่ออนาคต โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อที่ว่าผู้คนทั่วโลกต่างต้องการสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ท่ามกลางปัญหาความท้าทายทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน

Key Insights

🌏 Dr. Morris Chang และ Joe Tsai ได้พูดคุยเกี่ยวกับการทะเลาะกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

🚀 Dr. Chang ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในการผลิตชิป โดยโฟกัสไปที่การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งและปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

🤝 ผู้นำทั้งสองท่านเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสาร และการสร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยเฉพาะปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความซับซ้อนอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

🧠 Dr. Chang เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างฐานความรู้ที่แข็งแกร่งในหลากหลายสาขา และการพัฒนาในเรื่องของวิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

💡 Joe Tsai เน้นถึงคุณค่าของสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) และความอ่อนน้อมถ่อมตัวในการเป็นผู้นำ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจ้างบุคลากรที่มีความสามารถ

🌟Joe Tsai ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเข้ามาเป็นเจ้าของทีมกีฬาอย่างไม่คาดคิดกับ Brooklyn Nets โดยเน้นย้ำถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจของทีมกีฬาอาชีพในลีกสำคัญอย่าง NBA ของสหรัฐฯ

🎓 ทั้งสองท่านได้พูดถึงผลกระทบของการศึกษาต่อการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ โดย Dr. Chang ยอมรับถึงระบบโรงเรียนอาชีวศึกษาของไต้หวันในการสร้างแรงงานที่มีทักษะในภาคการผลิต ในขณะที่ Joe เน้นถึงประโยชน์ของการศึกษาระดับอุดมศึกษาของอเมริกาในการส่งเสริมนวัตกรรม

💻 Dr. Chang แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ TSMC โดยโฟกัสที่การพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมทั้งยอมรับถึงข้อจำกัดของกฎของมัวร์ (Moore’s Law) ในการผลิตชิป

🌟 ผู้นำทั้งสองท่านได้พูดถึงการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต โดยเชื่อมั่นในเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องการสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันทั่วโลก แม้จะมีความขัดแย้งกันก็ตามที

Opinion

ส่วนตัวสำหรับสิ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่องการศึกษาโดยเฉพาะในไต้หวันที่ สร้างระบบโรงเรียนอาชีวะที่มีคุณภาพ และสุดท้ายก็สามารถสร้างแรงงานที่มีคุณภาพสูงป้อนสู่ภาคการผลิตในสินค้านวัตกรรมของประเทศของพวกเขาได้

ตรงนี้จะเห็นได้ว่ายิ่งยุคหลังๆ คนรุ่นใหม่เริ่มที่จะเรียนในสายอาชีพน้อยลงไปมาก ส่วนใหญ่เข้าสู่การศึกษาแบบสามัญแทบจะทั้งสิ้น ทำให้ขาดแรงงานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผมว่าเป็นปัญหาหนึ่งของโครงสร้างการศึกษาของประเทศเราที่น่าสนใจ ที่ต้องมีการปรับให้คนหันมาเรียนฝั่งสายอาชีพกันมากกว่านี้

ซึ่งมันดูเหมือนว่าประเทศเราในตอนนี้ กำลังกลายเป็นประเทศที่มีแต่คนคิด แต่คนลงแรงทำจริง ปฏิบัติจริงมันได้เริ่มทยอยหายสาปสูญไปจากระบบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับผม

Geek Daily EP236 : Amazon Fight Back เมื่อยักษ์ใหญ่โดนหยามถึงถิ่นพร้อมเตรียมทวงบัลลังก์กลับคืน

ถ้าย้อนไป 20 ที่แล้ว และกล่าวว่าจะมีบริษัทจากจีนเช่น BYD , Xiaomi , Huawei , Temu , Sheinขึ้นมาครองโลกธุรกิจในอุตสาหกรรมของตนเอง ผมว่าทุกคนคงขำก๊าก Shein ก่อตั้งขึ้นในเมืองหนานจิงเมื่อเดือนตุลาคมปี 2008 โดยผู้ประกอบการที่เก่งด้านการทำตลาดผ่าน SEO อย่าง Chris Xu , ส่วน Temu แม้จะมีบริษัทแม่อย่าง PDD Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน แต่แบรนด์ใหม่อย่าง Temu เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2022 นี่เอง

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Temu,Shein ในตลาด ecommerce ของสหรัฐฯ กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง amazon ด้วยสินค้าราคาถูก การอัดเม็ดเงินโฆษณาอย่างบ้าคลั่ง และประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ gamification แม้จะมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพสินค้าและความเกี่ยวข้องกับประเทศจีน แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Temu กำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของ ecommerce ในสหรัฐฯ อย่างชัดเจน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/ycx238jm

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4d6tymmz

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/56dvskep

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/RIKHfAU-x-A

มาสด้ายกทัพรถสปอร์ตตกแต่งพิเศษอวดโฉมงานออโต้ซาลอน มอบแคมเปญสุดคุ้มเพื่อแฟนพันธุ์แท้ ดอกเบี้ย 0% ผ่อน 84 เดือน

มาสด้ายกทัพยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นออกประชันโฉมในงานบางกอกออโต้ซาลอน 2024 ชูไฮไลท์พิเศษสุดกับ New Mazda MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยมที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ มาพร้อมสีเทา แอโร เกรย์ สีใหม่ล่าสุด และ Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ กับสีขาว โรเดียม ไวท์ ที่เปิดให้ลูกค้าและแฟนพันธุ์แท้มาสด้าได้จับจองเป็นเจ้าของ จำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทยเท่านั้น

พร้อมทัพรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่ตกแต่งพิเศษมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะภายในงานฯ ระหว่างวันที่ 26-30 มิ.ย. 67 ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน หรือส่วนลดสูงสุด 130,000 บาท หรือโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ MUS 5 ปี เมื่อจองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในเดือน มิ.ย. 67 รับฟรี ลำโพงบลูทูธ JBL รุ่น FLIP ESSENTIAL 2 มูลค่า 2,390 บาท** ณ ชาเลนเจอร์ฮอล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงยึดมั่นเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ภายใต้นโยบาย Customer Experience Management คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์และมอบสิทธิประโยชน์เกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง

รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพราะการสร้างแบรนด์คือแนวทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ที่ผ่านมามาสด้าเดินหน้าส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” ให้แก่ลูกค้า ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับ “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” คือการส่งมอบ “ความสุขในทุกช่วงเวลาของการดำเนินชีวิต”

ด้วยการสร้างประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแนวทางของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ที่มาพร้อมภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตครบครันในทุกๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นสปอร์ตและดีไซน์ที่สง่างาม

ภายในงานออโต้ซาลอน มาสด้าจึงตั้งใจนำเสนอรถยนต์ที่ได้รับการตกแต่งพิเศษด้วยอุปกรณ์แท้จากโรงงาน ให้ภาพลักษณ์สปอร์ตซึ่งเป็นดีเอ็นเอที่มีอยู่ในรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น มาให้ลูกค้าและแฟนๆ มาสด้าในประเทศไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

สำหรับไฮไลท์ของบูธมาสด้าในงานออโต้ซาลอน มาสด้าได้นำรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุน แบรนด์ไอคอนยอดนิยมที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ New Mazda MX-5 รุ่นเกียร์ธรรมดา สีเทาแอโร เกรย์ ที่มาพร้อม DSC-TRACK ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่

เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่งมาจัดแสดงให้ลูกค้าและแฟนรถสปอร์ตรุ่นนี้ได้ยลโฉมและรับข้อเสนอพิเศษให้กับผู้ที่สนใจ ราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service3  ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ที่เปิดให้ลูกค้าจองแล้ววันนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 2.49 ล้านบาท

พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง2 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี4 ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 7 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี โดยเฉพาะครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายที่มาสด้าเตรียมไว้ให้กับลูกค้า 100 ท่าน ที่เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้นำรถยนต์ทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้เลือกสรรเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบปี อาทิ ส่วนลดสูงสุด 88,000 บาท5 เมื่อออกรถมาสด้า2 ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท เมื่อออกรถมาสด้า3 ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท เมื่อออกรถมาสด้า CX-36 ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท เมื่อออกรถมาสด้า CX-30 ส่วนลดสูงสุด 130,000 บาท เมื่อออกรถมาสด้า CX-5 และส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท

เมื่อออกรถมาสด้า CX-8 พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน หรือ ส่วนลดสูงสุด 130,000 บาท หรือ โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี นอกจากนี้ เมื่อจองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในเดือนมิถุนายน 2567 รับฟรี ลำโพงบลูทูธ JBL รุ่น FLIP ESSENTIAL 2 มูลค่า 2,390 บาท** พิเศษสุดขึ้นไปอีกขั้นสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ทั้งภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 67 นี้เท่านั้น หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

หมายเหตุ

  1. ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน
  2. บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์  (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย (5) บมจ. แอกซ่าประกันภัย
  3. ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 2 ปี
  4. ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 7 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 7 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 7 ปี หรือระยะทาง 140,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี
  5. ยกเว้น รุ่น 1.3 C / 1.3 C Sports ราคา 599,000 บาท, 1.3 Clap Pop Sports ราคา 647,000 บาท และ 1.3 Rookie Drive Sports ราคา 662,000 บาท
  6. ยกเว้น New Mazda CX-3 / เฉพาะ Mazda CX-3 รุ่น 2.0 BASE PLUS ราคา 826,000 บาท และ รุ่น 2.0 COMFORT ราคา 894,000 บาท

**เมื่อจองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในเดือน มิ.ย. 67 รับฟรี ลำโพงบลูทูธ JBL รุ่น FLIP ESSENTIAL 2 มูลค่า 2,390 บาท

เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

  • ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาตที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567​ เท่านั้น
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและข้อมูลต่างๆ ได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

###

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

สรุปเนื้อหา AI Deception เหล่าบริษัทเทคโนโลยีกำลังหลอกลวงพวกเราอย่างไร

AI คำ Buzzword ที่แทบจะมีอยู่ทุกหนแห่ง มันเป็นอย่างที่โฆษณาไว้จริงหรือไม่? หรือเป็นแค่การหลอกลวงครั้งใหญ่? ในตอนนี้เราจะเห็นว่าแม้ AI จะมีประโยชน์บางอย่าง แต่ด้วยกระแสความนิยมของมันก็ส่งผลเสียต่อวงการเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน

เป็นคลิปวีดีโอที่น่าสนใจจากช่อง ColdFusion นะครับที่ได้พูดถึงวิธีที่บริษัทเทคโนโลยีกำลังหลอกลวงผู้บริโภคด้วยคำโกหกคุยโวเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ตั้งแต่การโฆษณาเว่อร์เกินจริงไปจนถึงการออกมาบอกทุกวี่ทุกวันว่ามันจะมาแย่งงานมนุษย์ไปจนหมดสิ้น

Highlights

🤖 ประวัติศาสตร์การหลอกลวงด้วย AI: จาก Mechanical Turk ไปจนถึงระบบชำระเงินของ Amazon

🌐 การเติบโตของ AI washing : บริษัทต่างๆ หลอกลวงนักลงทุนด้วยการสร้างกระแส AI ปลอม ๆ ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

💸 ผลกระทบของกระแส AI: ฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ AI ที่ล้มเหลว

📉 ผลกระทบของ AI ต่อการโยกย้ายงานและการเลิกจ้างครั้งใหญ่

🚀 วงจรของ Gartner hype cycle ซึ่งมนุษย์มีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นเกินไปเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะปฏิวัติวงการรูปแบบใหม่ ๆ

💡 การสร้างสมดุลโดยตระหนักถึงศักยภาพของ AI ไปพร้อมๆ กับคำนึงถึงข้อจำกัดของมัน

🌟 การเรียกร้องให้มีแนวทางที่ต้องเปิดโอกาสให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อให้สามารถนำ AI ไปใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า

Key Insights

🌐 ในปี 1770 Wolfgang Von Kempelen นักประดิษฐ์ชาวฮังการีได้เปิดตัวเครื่องเล่นหมากรุกอัตโนมัติที่เรียกว่า The Mechanical Turk เขาได้ตระเวนสาธิตไปทั่วยุโรป สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในการเล่นหมากรุกนี้ชนะการแข่งขันส่วนใหญ่กับผู้เล่นหมากรุกมนุษย์จริงๆ และมีการกล่าวกันว่ามันสามารถเอาชนะผู้เล่นอย่าง Napoleon และ Benjamin Franklin ได้ด้วย และมันก็ดังกระฉูดจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคนั้น

อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วมันเป็นเพียงคนที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะคอยควบคุมเครื่องอย่างลับๆ ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันเป็นการแหกตาครั้งใหญ่นั่นเอง

🤖 250 ปีต่อมาในปี 2016 Amazon ได้ทำเรื่องคล้ายๆ กัน ระบบชำระเงินของพวกเขาที่เรียกว่า Just Walk Out อนุญาตให้ลูกค้าเพียงแค่หยิบสินค้าจากร้านและเดินออกไปได้เลย ภายใต้ระบบนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสแกนสินค้าด้วยตนเองที่จุดชำระเงิน การทำธุรกรรมและโลจิสติกส์ถูกจัดการโดยอัตโนมัติเบื้องหลังด้วย AI ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างระบบ Computer Vision, Sensor Fusion และ Deep Learning

ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เทคโนโลยีที่เรียกว่า AI ของ Amazon นั้นจริงๆ แล้วขับเคลื่อนโดยคนกว่าพันคนในอินเดียที่คอยดูและติด tag วิดีโอเพื่อให้แน่ใจว่าระบบการชำระเงินจะทำงานได้อย่างถูกต้อง การที่มนุษย์ติด tag ข้อมูลนั้นเป็นวิธีที่โมเดล AI มักจะได้รับการฝึกฝนในตอนแรกเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิด แต่ประเด็นคือการโฆษณาที่เว่อร์เกินจริงนั้นทำให้ทุกคนเข้าใจผิด แม้กระทั่งในปี 2022 ชาวอินเดียหนึ่งพันคนเหล่านี้ยังคงตรวจสอบการทำธุรกรรมถึง 70% ใน ร้าน Amazon Go 20 แห่ง ร้านขายของชำ Amazon Fresh 40 แห่ง และร้าน Whole Foods อีก 2 แห่ง

💸 บริษัทที่เข้าร่วมใน “AI washing” โฆษณาแบบโม้เกินจริงเกี่ยวกับความสามารถของผลิตภัณฑ์ AI ของตนเพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้บริโภค ซึ่งในที่สุดนำไปสู่ความคาดหวัง และอาจทำให้เกิดการล่มสลายของตลาดได้ในท้ายที่สุด

🧠 Gartner Hype Cycle สำหรับ AI ซึ่งดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในช่วงของความคาดหวังที่เกินจริงของเทคโนโลยี AI และกำลังค่อยๆ เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความผิดหวัง ซึ่งหมายความว่าจะมีเรื่องน่าผิดหวังมากมายของเทคโนโลยีนี้รออยู่ข้างหน้า การประยุกต์ใช้ AI ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหลังจากที่กระแสเห่อของมันจางหายไป

🤯 การใช้เทคโนโลยี AI ในทางที่ผิดส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตราย เช่น AI chatbot ที่ให้ข้อมูลไม่ตรงประเด็น หรือสร้างข้อมูลเท็จและส่งไปยังหน่วยงานของรัฐ

👥 แม้ว่า AI จะมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ แต่ก็มีความกังวลว่าอาจนำไปสู่การสูญเสียงานครั้งใหญ่ของมนุษย์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เช่น การบริการลูกค้าและการขาย เนื่องจากบริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับการใช้ระบบอัตโนมัติมากกว่าแรงงานมนุษย์

⚠️ แม้จะมีกระแสความนิยมในเทคโนโลยี AI แต่ก็มีการฉุกคิดมากขึ้นว่าคำคุยโม้โอ้อ้วดเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ยังไม่เป็นจริงทั้งหมด ทำให้เกิดแนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นสำหรับการนำไปใช้และผลกระทบต่อสังคม

🤔 เนื้อหาในวิดีโอนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินบทบาทของ AI ในเรื่องของแรงงาน และผลกระทบทางจริยธรรมของการแทนที่คนงานด้วย AI โดยเรียกร้องให้มีแนวทางที่สมดุลและโปร่งใสมากขึ้นในการนำ AI มาใช้

🔄 เทคโนโลยี AI กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การตระหนักถึงความเสี่ยงและข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้นของ AI ในขณะเดียวกันก็ยอมรับศักยภาพของมันในการเสริมพลังความสามารถให้กับมนุษย์และช่วยในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต

Opinion

ก็ต้องบอกว่าเทคโนโลยี AI ที่เราได้เห็นในปัจจุบันนี้คงไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด แต่มุมมองของเนื้อหาในวีดีโอในบางเรื่องมันก็น่าคิด โดยเฉพาะเรื่องของ AI Washing ซึ่งผมว่าแม้ในประเทศไทยก็คงเจอ เอะอะอะไรก็ AI ไว้ก่อนซึ่งบางครั้งคนที่นำไปใช้ก็ไม่ได้รู้จริงเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ดีนัก

แม้กระทั่งบริษัทยักษ์ใหญ่ เราเห็นพวกเขาหน้าแตกมาหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น Google เอง ที่พยายามเข็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่พร้อมออกมา แต่ดันโม้คุณสมบัติซะเว่อร์เกินจริง จนในที่สุดก็ถูกสื่อใหญ่แฉมาก่อนหน้านี้แล้ว

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายเล็กรายใหญ่ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกระแส AI นี้ ซึ่งผมคิดว่ามันก็เป็นทั้งโลก เพราะมันดึงดูดความ Wow หรือสามาถเรียกเงินจากนักลงทุน หรือผู้บริหารในองค์กรได้จริง ที่กลัวการตกเทรนด์ในการเกาะไปกับกระแสของเทคโนโลยีนี้นั่นเองครับผม