ยุคก่อนการถือกำเนิดขึ้นของ iPhone โลกของมือถือสมาร์ทโฟนถูกปกครองด้วยกลุ่ม “MENS Club” ซึ่งเป็นผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ประกอบด้วย Motorola , Ericsson , Nokia และ Siemens
Blackberry ที่ผลิตโดย RIM (Research In Motion) มีถิ่นฐานกำเนิดใน Waterloo ประเทศแคนาดาค่อย ๆ ย่องเข้ามากินส่วนแบ่งเงียบ ๆ โดยการเข้าจู่โจมที่องค์กรธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือสื่อสารแบบมืออาชีพโดยเฉพาะ email ซึ่ง Blackberry นั้นเหนือกว่าใคร
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2003 หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดรายหนึ่งของโลกกำลังจะเปิดเผยข้อมูลการเลือกซื้อสินค้าของเธอสำหรับเทศกาลคริสต์มาส
ทีมงานของ Oprah Winfrey มักจะทำให้ผู้ชมของเธอคลั่งไคล้ในสตูดิโอของเธอในชิคาโก มันเป็นรายการพิเศษ Oprah’s Favorite Things ที่หากเธอเลือกสินค้าใดมาโปรโมต สินค้าตัวนั้นก็เตรียมรับยอดขายกระฉูดในช่วงคริสต์มาสทันที
“ฉันซื้อของสำหรับวันหยุดให้คุณแล้ว” Oprah ประกาศขณะที่เธอเดินเข้าไปในสตูดิโอที่ผู้คนจอแจ ผู้ชมเริ่มตื่นเต้นกับสินค้าชิ้นใหม่ของเธอ
ในที่สุด ช่วงเวลาที่ผู้บริหารของ RIM ตื่นเต้นมากที่สุดก็มาถึง
“สิ่งใหม่ที่ฉันโปรดปราน … โอ้ ฉันชอบสิ่งนี้มาก” Oprah กล่าว ” ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งนี้ มันอยู่กับฉันทุกที่ที่ฉันไป มันเรียกว่า Blackberry มันเปลี่ยนชีวิตฉันอย่างแท้จริง”
ตัดภาพมาที่สำนักงานใหญ่ของ RIM เสียงเชียร์เกือบจะกระหึ่ม พอ ๆ กับเสียงเชียร์ในสตูดิโอของ Oprah ที่ชิคาโก
ต้องบอกบอกว่า RIM นั้นได้จับตามองตลาดกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมานานมากแล้ว นับตั้งแต่ปี 1999 ในช่วงแรกบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้มีความต้องการที่ล้นหลามจากองค์กรธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเวลาและทรัพยากรมากขึ้นพวกเขาก็มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจขนาดเล็กและกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น
Blackberry Quark ที่ Oprah ชื่นชมในรายการของเธอ เป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีสไตล์ มีความโค้งมน สีใหม่ที่มาแทนที่เคสสีดำอันเคร่งขรึม และอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับหน้าจอสี
ด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยี Quark ทำงานได้เร็วกว่าสองเท่าและมีหน่วยความจำเพิ่มขึ้นสองเท่าของ Blackberry รุ่นก่อนหน้า กระบวนการผลิตที่ได้รับการปรับปรุงทำให้สามารถผลิตได้เร็วกว่าและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย
ที่สำคัญ RIM ยังมีข้อได้เปรียบที่ Nokia และผู้ผลิตโทรศัพท์รายอื่นขาดไป นั่นก็คือเครือข่ายข้อมูลของตนเอง ข้อความของ Blackberry เดินทางผ่านเครือข่ายภายในองค์กรของ RIM ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ให้บริการ การเชื่อมต่อที่ไม่เหมือนใครทำให้ RIM เปรียบดั่งมีประตูหลัง (back door) ในการแอบเข้าไปในผู้ให้บริการเครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต
RIM ที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ตัวเล็ก ๆ สามารถเอาชนะคู่แข่งที่ใหญ่กว่าได้อย่างง่ายดาย ในช่วงปลายปี 2005 คู่แข่งอย่าง Nokia , Motorola , Siemens และ Palm ต่างพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เปิดใช้งาน email แบบไร้สายเพื่อหยุดความร้อนแรงของ Blackberry แต่ดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาทำกำลังตามหลัง Blackberry อย่างสุดกู่
ความนิยมของ Blackberry นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารสมัยใหม่ โลกธุรกิจเป็นพรมแดนแรกที่ยอมจำนน : Andy Grove ประธาน Intel กล่าวกับ USA Today ในเดือนพฤษภาคม 2001 ว่า “Blackberry ควรรายงานต่อ DEA ว่ามันเสพติดมาก”
ในขณะที่ Marc Beniooff CEO ของ Saleforce.com เรียก Blackberry ว่า “เฮโรอีนของคอมพิวเตอร์พกพา”
ผู้ใช้เริ่มผูกพันกับ Blackberry จนวางไม่ลง ไล่มาตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษ พระคาร์ดินัล และผู้นำระดับโลก เหล่าดารา เซเลบริตี้ชื่อดัง ที่พวกเขาเหล่านี้ต่างอุทิศตนในการโฆษณาให้กับ Blackberry แบบฟรี ๆ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ RIM ได้เปลี่ยนตัวเองจากบริษัทเล็ก ๆ ในแคนาดาให้กลายมาเป็นราชาแห่งเทคโนโลยีองค์กรใหม่ด้วยสมาร์ทโฟนสุดสร้างสรรค์ที่เป็นสัญลักษณ์ที่มืออาชีพต้องมี และกำลังเข้าสู่กระแสความคลั่งไคล้ของผู้บริโภคทั่วไป
ด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและกลวิธีอันชาญฉลาด ทำให้บริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้สามารถเอาชนะคู่แข่งที่ใหญ่กว่าได้
หลังจากประสบความสำเร็จกับ Quark มันก็ถึงเวลาที่ RIM ต้องพัฒนาสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่สมบูรณ์แบบไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป
มันจะเป็นโทรศัพท์ที่รวมบริการ email และ โทรศัพท์เข้ากับเครื่องเล่นเพลง การ์ดหน่วยความจำ และกล้องถ่ายรูป ความท้าทายสูงสุดคือ การติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่และวงจรภายในลงในโทรศัพท์ที่บางเฉียบที่จะถูกเรียกว่า “Pearl”
ในเดือนกันยายน ปี 2006 RIM ได้เชิญนักข่าวและบล็อกเกอร์หลายสิบคนไปที่โรงละครในไทม์สแควร์ของนิวยอร์กเพื่อชมการนำเสนอวีดีโอของผลิตภัณฑ์
Mike Lazaridis ผู้ร่วมก่อตั้ง RIM ในเสื้อสเวตเตอร์คอวีสีดำ ได้ออกมาบรรยายถึง Blackberry Pearl รุ่นใหม่ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งพิเศษด้วยวิธีที่แตกต่างของ Blackberry ในการเล่นเพลงและวีดีโอ มันเป็นวิธีการสื่อสารใหม่ซึ่งแต่เดิมนั้น RIM มักใช้นักการตลาดจากภายนอกเพื่อช่วยทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของตนให้กับลูกค้า
แต่ RIM กำลังเริ่มแคมเปญการสร้างแบรนด์ของตนเอง โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคเป็นครั้ังแรก มีการทาบทามนักแสดงชื่อดังอย่าง Mariska Hargitay และ Martin Eberhard CEO ของ Tesla Motors (ในตอนนั้น) ให้มาปรากฎตัวในโฆษณาที่พูดถึงวิธีที่ Pearl เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา
แทร็กบอลแบบใหม่ที่อยู่ตรงกลางอุปกรณ์ ซึ่งเป็นลูกบอลยางที่ผู้ใช้หมุนเพื่อนำทางไปรอบ ๆ หน้าจอเหมือนใช้ mouse แทนที่แทร็กวีลที่เคยเป็นฟีเจอร์สำคัญของ Blackberry รุ่นก่อนหน้าทั้งหมด
Mike Elgan คอลัมนิสต์ของ Computerworld ประกาศว่าโทรศัพท์ใหม่ที่บางเฉียบนี้ ด้วยแทร็กบอลที่ลื่นไหล การนำทางบนอินเทอร์เน็ตจึงเป็นเรื่องง่ายจน Elgan เขียนบทความในคอลัมน์ทั้งหมดของเขาจาก Pearl
“แทร็กบอลจะกลายเป็นอุปกรณ์นำทางที่โดดเด่นสำหรับอุปกรณ์พกพาภายในสองปี” เขาเขียน “ยินดีต้อนรับสู่อนาคต”
ต้องบอกว่าช่วงเวลาทองระหว่างปี 2001 – 2007 เป็นช่วงที่ Blackberry มีการขยายตัวไปทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งในประเทศไทยเราเอง Blackberry ก็เข้ามายึดครองตลาดแทบจะเบ็ดเสร็จอยู่ช่วงเวลานึง
หลังจากประสบความสำเร็จในการตั้งหลักกับตลาดองค์กรธุรกิจ Blackberry ก็ได้ขยายเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค และ ซีรีส์ Blackberry Pearl ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งในภายหลังได้มีการเปิดตัวรุ่น Curve และ Bold และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกันนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ Losing the Signal: The Untold Story Behind the Extraordinary Rise and Spectacular Fall of BlackBerry โดย Jacquie McNish และ Sean Silcoff
https://www.investopedia.com/articles/investing/062315/blackberry-story-constant-success-failure.asp
https://www.knowyourmobile.com/phones/blackberry-pearl-history/