Apple ได้ปรับปรุงแนวทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทใหม่ตั้งแต่การเปิดตัว iPhone 12 ที่เลิกแถมที่ชาร์จกับหูฟัง เพื่อลดปริมาณขยะ ทำให้กล่องบางลง ขนส่งต่อหน่วยได้มากขึ้น ลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
มันเป็นคำพูดที่สวยหรูเสมอที่ออกมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องรักษ์โลกเพียงเท่านั้น เพราะ Apple ยังประหยัดทั้งทางตรงและทางอ้อมได้หลายพันล้านดอลลาร์
แล้วถ้าเรื่องรักษ์โลกมีความสำคัญกับ Apple มากมายขนาดนี้ ทำไม Apple ถึงเพิ่งจะมายกเลิกพอร์ต Lightning ในปี 2023 พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 15
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ Apple ต้องสูญเสียรายได้มากกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะช่วยโลกเมื่อสิ่ง ๆ นั้นมันเป็นประโยชน์ต่อผลกำไรของบริษัท แต่การรักษ์โลกที่แท้จริงต้องกล้าที่จะทำแม้จะรู้ว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทลดลง
Apple สร้างรายได้จากสาย Lightning เท่าไร?
Apple ขาย iPhone ได้มากกว่า 2.2 พันล้านเครื่องและ iPad มากกว่า 360 ล้านเครื่องก่อนที่จะหยุดเปิดเผยตัวเลขสู่สาธารณะชน
แน่นอนว่าด้วยยอดขายขนาดนี้ เหล่าสาวก Apple เองก็ต้องการสายเคเบิลเพิ่มเติม :
- ที่ทำงาน
- ที่บ้าน
- สำหรับรถยนต์
และบางคนทำสาย Lightning อันเปราะบางในกล่องหัก ก็ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่
สมมติว่าทุก ๆ นาทีที่ขาย iPhone หรือ iPad ผู้ใช้ซื้อสาย Apple Lightning เพิ่มเพียงเส้นเดียวในราคา 19 เหรียญสหรัฐฯ
นั่นคือมันสร้างรายได้ให้กับ Apple 43.5 พันล้านดอลลาร์จากการขายสาย Lightning เพียงอย่างเดียว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Apple ไม่ต้องการทำสายเคเบิลที่มีความทนทานมากขึ้น และยังไม่รวมถึงเงินอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่ Apple ได้จากบริษัทผลิตสาย Lightning ภายนอกซึ่งต้องเสียค่าค่าโปรแกรมลิขสิทธิ์ MFi ที่ต้องจ่ายให้ Apple ในทุก ๆ ชิ้นที่พวกเขาผลิต
Apple เองก็ยอมรับว่าสาย USB-C ดีกว่า
เมื่อ Apple เปิดตัว iPad Pro พร้อมชิป M1 ในปี 2021 ก็มาพร้อมกับพอร์ต USB-C และถึงขั้นกับโฆษณาอย่างสวยหรูว่า “พอร์ตที่เร็วที่สุดและอเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPad หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในประเภทเดียวกัน”
ก่อนหน้านี้ iPad ใช้พอร์ต Lightning เดียวกันกับที่ใช้ใน iPhone แต่งงไหมว่าเมื่อบอกว่าพอร์ต USB-C นั้นเร็วกว่าและหลากหลายกว่าพอร์ตใด ๆ ที่ Apple เคยใช้ แต่ทำไม iPhone ยังดื้อด้านที่จะใช้ Lightning ซึ่งแม้แต่รุ่นที่เร็วที่สุดยังคงจำกัดความเร็วไว้ที่เพียงแค่ USB 3.0 และบางพอร์ตก็อาจยังเป็น 2.0 เท่านั้น
และนั่นคือคำถามใหญ่ที่สหภาพยุโรปถามไปยัง Apple
แทนที่จะพูดถึงรายรับเป็นกอบเป็นกำกว่า 43.5 พันล้านดอลลาร์ Apple กลับอธิบายว่า การสั่งห้ามใช้สาย Lighting ในยุโรปมันเป็นการขัดขวางนวัตกรรมและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคในยุโรปและทั่วโลก
จุดยืนที่แข็งกร้าวของ Apple เกี่ยวกับพอร์ต Lightning ขัดแย้งกับแนวคิดรักษ์โลกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด และลดขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการจัดส่ง
หาก Apple ใส่ใจต่อประสบการณ์ของลูกค้าและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงใจ บริษัทก็ไม่ควรที่จะต่อสู้เรื่องนี้กับสหภาพยุโรป แต่ควรที่จะยอมรับคำสั่งให้ใช้ USB-C แต่โดยดี
อิทธิพลที่ Apple มีนั้นสามารถนำไปใช้กำหนดมาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในระยะยาว ซึ่งแน่นอนว่าพอร์ตแบบมีสายจะยังคงมีความสำคัญต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า
Apple ต้องการควบคุมทุกสิ่งให้ได้มากที่สุด
แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จมาจวบจนถึงทุกวันนี้ ก็คือการควบคุมประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ และยังช่วยควบคุมลูกค้าของ Apple ไม่ให้หนีไปไหนได้ง่าย ๆ
แนวทางที่ดูเหมือนจะดื้อรั้นขวางโลกนี้มีข้อได้เปรียบเชิงธุรกิจที่ชัดเจน การเปลี่ยนไปใช้ USB-C มันเกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งการต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงห่วงโซ่อุปทานในการผลิตที่ Apple ต้องปรับเปลี่ยนอีกยกใหญ่
มันเหมือน DNA ของ Apple ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของ Steve Jobs นอกเหนือจากเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ Apple ต้องการควบคุมคุณภาพที่ผู้ใช้ใช้สายชาร์จ การเพิ่มพอร์ต USB-C หมายความว่าผู้คนอาจเสียบ USB-C เกรดต่ำเข้ากับ iPhone ที่ทาง Apple แสนรักแสนหวง
สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงโดยกล่าวว่าในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 :
“โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล หูฟังและชุดหูฟัง วีดีโอเกมคอนโซล เกมมือถือ และลำโพงพกพาที่ชาร์จได้ผ่านสายเคเบิล จะต้องติดตั้งพอร์ต USB-C ในอุปกรณ์ใหม่ทุกชิ้น”
และเนื่องจากสหภาพยุโรปเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของ Apple นั่นเองที่ทำให้ iPhone 15 กลายเป็นภาระจำยอมที่ Apple ต้องเปลียนแปลงพอร์ตมาเป็น USB-C ที่จะมีการบังคับใช้ในปีหน้า
แม้ Apple กำลังทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย แต่มันก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเชื่อมต่อแบบใช้สาย ซึ่งมันยังพอมีเวลาที่สุดท้าย Apple จะเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นรูปแบบไร้สายทั้งหมด
ไม่นานหลังจากการตัดสินใจของสหภาพยุโรป บราซิลก็ได้ออกข้อกำหนดคล้าย ๆ กันเพื่อให้ USB-C เป็นมาตรฐานเดียวสำหรับการชาร์จสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศ
ในขณะที่ฝั่งอเมริกาบ้านเกิดของ Apple แม้จะพยายามล็อบบี้อย่างหนักมาหลายปี แต่ Elizabeth Warren วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มีการออกกฎหมายที่คล้ายกันในสหรัฐอเมริกา
สุดท้าย มันไม่ใช่เรื่องของการรักษ์โลกตามที่ Apple ได้พรรณนาไว้แต่อย่างใด เพราะหาก Apple จริงใจก็ควรจะเลิกใช้สาย Lightning ไปตั้งนานแล้ว แต่ยังกั๊กไว้จนถูกบีบบังคับจากหน่วยงานรัฐ จนต้องยอมทิ้ง Lightning ใน iPhone 15 อย่างที่เราได้เห็นกันในวันเปิดตัวนั่นเองครับผม
References :
https://www.androidauthority.com/apple-lightning-vs-usb-c-3043836/
https://slate.com/technology/2023/09/apple-event-iphone-15-usbc-charging-port-lightning-eu.html#:~:text=This%20so%2Dcalled%20common%2Dcharger,what%20device%20you’re%20using.
https://medium.com/swlh/the-real-reason-apple-doesnt-want-to-add-a-usb-c-port-to-the-iphone-91da3c9d4045
https://unsplash.com/photos/1M0omkZlGM4