ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจมากๆ ในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
บริษัทอย่าง TSMC มีส่วนแบ่งการตลาดแทบจะสูงที่สุดในโลก ซึ่งหากมีปัญหาเกิดขึ้นในไต้หวัน ตัวอย่างเช่นเรื่องของแผ่นดินไหวก็จะส่งผลทำให้ห่วงโซ่อุปทานของการผลิตชิปเกิดความชะงักงันไปแทบจะทั่วโลกเลยในแทบจะทันที
ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแนวทางในการพัฒนาประเทศที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งถ้าใครเคยไปไต้หวันตรงใจกลางเมืองไทเปซึ่งเป็นเมืองหลวงของไต้หวัน เราจะเห็นบริษัททางด้านอิเล็กทรอนิกส์ตั้งอยู่เยอะมากๆ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น TSMC , ACER หรืออีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ปัจจัยสำคัญในการสร้างชาติของไต้หวัน ก็คล้าย ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น นั่นก็คือความรู้ในเรื่องการผลิตชิป
หากย้อนกลับไปในช่วงปี 1985 KT Li รัฐมนตรีของไต้หวันได้เรียก Morris Chang ไปที่สำนักงานของเขาในไทเปโดยมีการโน้มน้าวให้ Texas Instruments ยักษ์ใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ เข้ามาสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกบนเกาะไต้หวัน
Texas Instruments ได้เปิดโรงงานในไต้หวันในปี 1985 แล้วก็ได้ว่าจ้าง Morris Chang ให้เป็นผู้นำคนแรกในการเปิดตลาดอุตสาหกรรมชิปของไต้หวัน โดย Chang เชื่อว่าเกาะนี้มีบรรยากาศทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยและค่าจ้างจะยังคงต่ำอยู่
ทศวรรษที่ 1990 เป็นปีที่คำว่าโลกาภิวัตน์เป็นคำที่ใช้กันทั่วไปเป็นครั้งแรก แม้ว่าอุตสาหกรรมชิปจะพึ่งพาการผลิตและการประกอบในต่างประเทศเป็นหลัก แต่ไต้หวันก็เริ่มแทรกตัวเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงและกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ
ในทศวรรษที่ 1990 ความสำคัญของไต้หวันเริ่มเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวันที่ Chang ได้ก่อตั้งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวันอย่างเต็มที่
Chang ที่เกิดในจีนแผ่นดินใหญ่เติบโตในยุคสงครามโลกครั้งที่สองในฮ่องกงและได้ไปศึกษาต่อที่ Harvard , MIT และ Stanford ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ช่วยสร้างอุตสาหกรรมชิปในยุคแรก ๆ ของอเมริกา
ในช่วงที่ทำงานกับ Texas Instruments ซึ่งตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นความลับสุดยอดของสหรัฐในการการรักษาความปลอดภัยเพื่อพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับกองทัพอเมริกัน
ส่วน KT Li เคยศึกษาฟิสิกส์นิวเคลียร์ที่ Cambridge และได้เข้ามาบริหารโรงถลุงเหล็กก่อนที่จะมาขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันตลอดหลายทศวรรษหลังสงคราม
รัฐบาลไต้หวันพยายามบุกเข้าสู่ธุรกิจการผลิตชิปในชื่อบริษัท UMC ในปี 1980 ความสามารถของบริษัทก็ยังคงล้าหลังอยู่มาก แม้จะมีงานมากมายในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่ก็ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมชิปมาจากบริษัทที่ออกแบบและผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุด
ในตอนนั้น KT Li ก็ทราบดีว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตต่อไปได้ก็ต่อเมื่อประเทศก้าวหน้าไปไกลกว่าแค่การประกอบชิ้นส่วนที่ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นที่อื่น โดยเฉพาะใน Silicon Valley
Chang ที่เข้ามาช่วย KT Li ในการนำพาไต้หวันในการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เขาก็ต้องการเงินจำนวนมากเพราะว่าแผนธุรกิจของเขามีแนวคิดที่ต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิงซึ่งถ้ามันได้ผลมันจะยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เขาและไต้หวันสามารถควบคุมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกได้
ความคิดของ Chang คือต้องการที่จะสร้างบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่จะผลิตชิปที่ออกแบบโดยลูกค้าซึ่งตอนนั้น Chang ได้ปิ๊งไอเดียนี้ตั้งแต่ตอนทำงานกับ Texas Instruments แล้ว แต่เมื่อเขาได้เข้าไปอธิบายกับเพื่อนร่วมงานที่ Texas Instruments กลับไม่มีใครสนใจในแนวคิดของเขา
แต่ต้องบอกว่าแนวคิดดังกล่าวมันไปโดนใจรัฐมนตรี KT Li ซึ่งสุดท้ายก็ให้ทุนเริ่มต้นโดยถือหุ้น 48% สำหรับการก่อตั้งบริษัท TSMC โดยมีเงื่อนไขแค่เพียงว่า Chang จะต้องหาบริษัทผลิตชิปชั้นนนำจากต่างประเทศเพื่อจัดหาเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงมายังไต้หวัน
Chang ได้โน้มน้าวให้บริษัท Philips บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์ซึ่งทุ่มเงิน 58 ล้านดอลลาร์และได้เข้ามาถ่ายทอดวิธีการผลิตและออกใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อแลกกับการถือหุ้น 27.5% ใน TSMC
เงินทุนส่วนที่เหลือจะได้รับการระดมทุนจากมหาเศรษฐีชาวไต้หวัน ซึ่งตอนนั้นรัฐมนตรีในรัฐบาลจะมีการโทรหานักธุรกิจไต้หวันเพื่อให้เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะเหล่าครอบครัวที่มีความมั่งคั่งที่สุดของไต้หวันซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านพลาสติก สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ รวมถึงรัฐบาลยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ TSMC อีกด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะมีเงินมากพอสำหรับการลงทุน
ตั้งแต่มีการเริ่มโครงการนี้ในไต้หวันต้องบอกว่าส่วนประกอบสำคัญในความสำเร็จในช่วงแรกของ TSMC ก็คือ ตัว Chang นั่นนเองที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐ
ลูกค้าส่วนใหญ่ของ TSMC ในยุคแรกเริ่มนั้นเป็นนักออกแบบชิปในสหรัฐอเมริกาและพนักงานระดับสูงหลายคนของ TSMC ก็เคยทำงานใน Silicon Valley มาก่อน เพราะฉะนั้นเหล่าพนักงานยุคก่อตั้งที่เป็นหัวกะทิที่ทาง Chang ได้ว่าจ้างมาก็ล้วนเคยทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Motorolla , Intel หรือ เพื่อนร่วมงานเก่าที่ Texas Instruments รวมถึงผู้บริหารส่วนใหญ่ของบริษัทก็จบปริญญาเอกชั้นนำที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแทบทั้งสิ้น
แนวคิดของ Chang ที่เป็นแนวคิดใหม่ในตอนนั้น การก่อตั้ง TSMC ทำให้นักออกแบบชิปทุกคนมีพันธมิตรที่สามารถไว้วางใจได้ โดย Chang สัญญาว่าจะไม่ออกแบบชิปแต่จะสร้างมันขึ้นมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
TSMC ไม่ได้แข่งขันกับลูกค้าในอุตสาหกรรมชิป แต่เข้ามาช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุนในการเริ่มต้นการผลิต นั่นทำให้โมเดลธุรกิจใหม่ของ Chang ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมชิปเลยก็ว่าได้
ทำให้เกิดบริษัทออกแบบชิปหลายรายที่เน้นไปที่การออกแบบเพียงอย่างเดียวแล้วก็ส่งมาให้ TSMC ผลิต และด้วยความได้เปรียบหลาย ๆ อย่างทั้งเรื่องของค่าแรงที่ยังไม่สูงมากในตอนนั้น รวมถึงการได้พนักงานระดับหัวกะทิมากมายจาก Silicon Valley รวมถึงบริษัทชิปจากสหรัฐที่เข้ามาเริ่มต้นผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวัน
โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนที่ Morris Chang ได้ออกแบบแนวคิดนี้ออกมา ทำให้ธุรกิจของ TSMC เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก กระบวนการผลิตของบริษัทก็ได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์อย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบันนั่นเองครับผม
References :
เรียบเรียงจากหนังสือ Chip War: The Fight for the World’s Most Critical Technology โดย Chris Miller
https://asiasociety.org/asia-game-changer-awards/dr-morris-chang