หนังสือสองเล่ม ที่ Nintendo ใช้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสใหม่ ๆ ได้ทุกครั้งในอุตสาหกรรมเกม

ผู้บริหารชั้นนำมากมาย ใช้ตำราความรู้จากหนังสือที่พวกเขาอ่านมา และมาปรับใช้จริงในธุรกิจของพวกเขา ซึ่งมันมีทั้งเคสที่ประสบความสำเร็จและบางครั้งมันก็อาจจะล้มเหลว

แต่เรื่องราวของ Nintendo เป็นเคสตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ ที่ใช้แนวคิดจากหนังสือชื่อดังสองเล่ม The Innovator’s Dilemma โย Clayton Christensen ที่เขียนไว้ว่า ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการประเมินอยู่ตลอดเวลาว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปตามเส้นทางที่มีอยู่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน หรืออีกทางหนึ่งคือการลองปรับใช้แนวทางใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในอนาคต

มันเป็นหนังสือที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมเกมอย่างชัดเจนมาก ๆ เนื่องจากทั้ง Playstation และ Xbox ต่างผลักดันสิ่งใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรรมเกมรูปแบบเดิม เช่น ภาพที่สมจริงยิ่งขึ้นซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น

The Innovator's Dilemma โย Clayton Christensen (CR:insider.co.uk)
The Innovator’s Dilemma โย Clayton Christensen (CR:insider.co.uk)

Nintendo เชื่อว่านี่คือทางตัน ภาพที่สมจริงมากขึ้นโดยตัวมันเองไม่ได้ส่งผลให้เกมดีขึ้น รวมถึงพลังในการประมวลผลที่มากขึ้นจะนำไปสู่ต้นทุนที่สูงขึ้นและราคาที่จะขายให้ผู้บริโภคก็จะสูงขึ้นตาม

ในทางกลับกันหาก Nintendo คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เช่น ความง่ายในการเล่นเกม หรือการเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นใหม่ๆ พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเกมได้ วิธีนี้จะทำให้คู่แข่งตกที่นั่งลำบากในการไล่ตามเส้นทางที่พวกเขาไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน

หนังสืออีกเล่มคือ Blue Ocean Strategy โดย W.Chan Kim และ Renee Mauborgne แนวคิดหลักคือโอกาสในการทำกำไรได้มากกว่าสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงตลาดที่พัฒนามากเกินไปและอิ่มตัวแล้ว (Red Ocean) และหันไปใช้ Blue Ocean ในตลาดที่ไม่มีใครแข่งขันและกำลังเติบโต

นั่นทำให้ Nintendo คิดใหม่ แนวคิดคือการสร้างเกมที่ดึงดูดใจผู้เล่นที่ไม่ใช่กลุ่มดั้งเดิม เช่น เด็กผู้หญิงหรือผู้เล่นที่มีอายุมากกว่า 50 ปี

สิ่งแรกที่ Nintendo พิสูจน์ความคิดนี้ก็คือเกม Brain Age ซึ่งเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2005 ซึ่งเป็นเกมที่ใช้หน้าจอสัมผัสและไมโครโฟนเพื่อไขปริศนา ซึ่งเกมดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มดั้งเดิม

ผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งกลุ่มนี้อาจยังไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องเกมอย่าง Nintendo DS พวกเขาจำเป็นต้องยืมบุตรหลานเพื่อให้ได้เล่นเกมดังกล่าว

เมื่อพวกเขาเหล่านี้ติดเกม พวกเขาก็จำเป็นต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เพื่อใช้งานเอง ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ที่สร้างยอดขายได้มากมายมหาศาล และสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดญี่ปุ่นคือ เด็ก ๆ ต่างรู้สึกหงุดหงิดที่พ่อแม่ใช้เครื่อง DS ของพวกเขาตลอดเวลา และพวกเขาก็ยืนกรานให้พ่อแม่ซื้อ DS ของตัวเองเพื่อเล่นเกม Brain Aage

เมื่อเห็นผลสำเร็จของ Brain Age Nintendo ก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไปนั่นคือเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ นั่นก็คือ Wii ซึ่งเปลี่ยนแนวคิดของการเล่นเกมแบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

Wii ซึ่งเปลี่ยนแนวคิดของการเล่นเกมแบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง (CR:Nintendo Direct)
Wii ซึ่งเปลี่ยนแนวคิดของการเล่นเกมแบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง (CR:Nintendo Direct)

เกมที่เปิดตัวมาพร้อมกับเครื่องอย่าง Wii Sport ได้รับการออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเล่นได้ การผสมผสานกีฬาทั้ง เบสบอล เทนนิส ชกมวย กอล์ฟ และโบว์ลิ่งทำให้ทั่วโลกต่างสนใจ

Wii Sport ได้กลายเป็นสุดยอดนวัตกรรม ประสบการณ์ใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่จะกระตุ้นให้ผู้คนหลากหลาย รวมถึงผู้เล่นที่เพิ่งหัดเล่นเกม หยิบคอนโทรลเลอร์ออกมาเล่น และเมื่อวางจำหน่ายมันก็ได้สร้างปรากฎการณ์ระดับโลกทันที และสามารถทำยอดขายทั้งหมดได้สูงถึง 101 ล้านเครื่อง

และเมื่อ Wii U เครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ของ Nintendo ประสบกับปัญหาอีกครั้ง พวกเขาก็ใช้วิธีการคิดแบบเดิม จากหนังสือทั้งสองเล่ม

แทนที่จะไปแข่งขันในสงครามเรื่องกราฟฟิก กับทั้ง Playstation และ Xbox พวกเขาได้คิดค้นรูปแบบเครื่องเกมไฮบริดที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีทั้งบนจอใหญ่ และ พกพาได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งนี้ตอบสนองความต้องการของเหล่าผู้เล่นหลัก ที่ไม่ต้องการหยุดประสบการณ์ในเกมเมื่อต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำงานหรือไปโรงเรียน และเมื่อเปิดตัวออกมามันก็ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายได้อีกครั้ง

Nintendo ไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมเกม เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ประสบความสำเร็จที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปในทิศทางใหม่ ๆ ไล่มาตั้งแต่การนำความสามารถของเครื่องเกมอาร์เคดมาสู่บ้านด้วย Nintendo Entertainment System (NES) ไปจนถึงเกมที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวร่างกายอย่าง Wii จนมาถึงความสามารถในการพัฒนาประสบการณ์เล่มเกมแบบทุกที่ทุกเวลาของ Nintendo Switch

บางครั้งการไปแข่งขันในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดนั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะการแข่งขันในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ความคิดง่ายๆ จากหนังสือบางเล่มก็อาจพลิกธุรกิจให้กับมาสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันได้อีกครั้ง อย่างที่ Nintendo ทำได้สำเร็จมาแล้วนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Disrupting the Game: From the Bronx to the Top of Nintendo โดย Reggie Fils-Aimé
https://www.digitaltrends.com/gaming/reggie-fils-aime-pax-west-2022/