Russia x Tech Industry รัสเซียทำลายล้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศตัวเองอย่างไร

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่การรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้น มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 8,300 รายและจำนวนยังเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เหล่าพนักงานด้านเทคโนโลยีก็ได้ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเพื่อหนีออกจากรัสเซีย

ตามตัวเลขของรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีประมาณ 100,000 คนหนีออกจากรัสเซียในปี 2022 หรือประมาณ 10% ของพนักงานด้านเทคโนโลยีทั้งหมด

รัสเซียได้ตัดขาดจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก การวิจัย เงินทุน การแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ ในขณะเดียวกัน Yandex หนึ่งในความสำเร็จด้านเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบริษัทได้เริ่มแยกส่วนบริษัทและขายธุรกิจให้กับ VKontakte (VK) ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ควบคุมโดยบริษัทของรัฐ

ในรัสเซีย เทคโนโลยีเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคส่วนที่ผู้คนรู้สึกว่าสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริงโดยไม่ใช้เส้นสาย

ผู้ประกอบการชาวรัสเซียได้รับเงินทุนระหว่างประเทศและทำข้อตกลงไปทั่วโลก ในช่วงเวลาหนึ่ง ดูเหมือนว่าเครมลินจะยอมรับการเปิดกว้างนี้เช่นกัน โดยเชิญชวนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในรัสเซียเพิ่มมากขึ้นผ่านนโยบายของพวกเขา

แต่รอยร้าวในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของรัสเซียเริ่มปรากฏขึ้นก่อนสงคราม เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่รัฐบาลพยายามทำให้อินเทอร์เน็ตของรัสเซียและบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของรัสเซียตกอยู่ในภาวะความเสี่ยง โดยเริ่มคุกคามอุตสาหกรรมที่เคยมองว่าจะนำประเทศไปสู่อนาคต

“ผู้นำรัสเซียเลือกแนวทางการพัฒนาประเทศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง” Ruben Enikolopov ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่ง Barcelona School of Economics และอดีตอธิการบดี Russia’s New Economic School กล่าว 

Ruben Enikolopov ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่ง Barcelona School of Economics และอดีตอธิการบดี Russia’s New Economic School  (CR:Econs.online)
Ruben Enikolopov ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่ง Barcelona School of Economics และอดีตอธิการบดี Russia’s New Economic School (CR:Econs.online)

การแยกธุรกิจได้กลายเป็นทางเลือกเชิงกลยุทธ์ เขากล่าวว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไม่ได้ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย แต่เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ

Enikolopov กล่าวว่าระหว่างปี 2015 ถึง 2021 ภาคส่วนไอทีในรัสเซียคิดเป็นหนึ่งในสามของการเติบโตของ GDP ของประเทศ โดยสูงถึง 3.7  ล้านล้านรูเบิล (47.8 พันล้านดอลลาร์)

ในปี 2021 แม้ว่าจะคิดเป็นเพียง 3.2% ของ GDP ทั้งหมด แต่ Enikolopov กล่าวว่า ในขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังถอยหลังซึ่งจะส่งให้เศรษฐกิจของรัสเซียอย่างแน่นอน “ผมคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งในผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตของรัสเซีย” เขากล่าว 

เมื่อคลังสมองด้านไอทีเริ่มไหลออก

บรรยากาศตึงเครียดในสำนักงาน Yandex ที่สร้างด้วยอิฐสีแดงและผนังกระจกทางตอนใต้ของกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นวันที่รัสเซียรุกรานยูเครนเริ่มต้นขึ้น

Anastasiia Diuzharden ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดเนื้อหาของ Yandex Business ก็อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่เธอบอกว่าเธอเห็นคนไม่กี่คนที่ทำงานอยู่ พื้นที่สูบบุหรี่ของอาคารมีคนมากกว่าปกติถึงห้าเท่า พนักงานบางคนเดินทางออกนอกประเทศในวันเดียวกันเมื่อข่าวการบุกรุกแพร่สะพัดไปทั่วสำนักงาน

Diuzharden และเพื่อนร่วมงานของเธอก็ถูกเรียกตัวไปประชุมประจำสัปดาห์ที่ “khural,” ที่นั่น Tigran Khudaverdyan กรรมการบริหารและรอง CEO ของ Yandex ให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าบริษัทจะดำเนินธุรกิจต่อไป

Tigran Khudaverdyan กรรมการบริหารและรอง CEO ของ Yandex (CR:Banks.am)
Tigran Khudaverdyan กรรมการบริหารและรอง CEO ของ Yandex (CR:Banks.am)

Yandex เป็นบริษัทที่สร้างความภาคภูมิใจในรัสเซีย ดำเนินการทั่วโลก โดยส่วนหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนในประเทศเนเธอร์แลนด์ วิศวกรของบริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งขันกับบริษัทอเมริกัน

Yandex มีส่วนแบ่งในตลาดการค้นหาของรัสเซียมากกว่า Google และมีบริการกว่า 90 รายการที่ครอบงำโลกดิจิทัลของรัสเซีย หนึ่งในนั้นคือ Zen แพลตฟอร์มเนื้อหา และแพลตฟอร์มรวมข่าว Yandex News ซึ่งชาวรัสเซียจำนวนมากใช้ในการเริ่มต้นวันใหม่ทางออนไลน์ 

ในช่วงหลายสัปดาห์หลังจากรัสเซียบุกยูเครน มีผู้คนมากถึง14 ล้านคนต่อวันเข้าไปที่ Yandex News แต่แทนที่จะอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตและการทำลายล้างพลเรือนของยูเครน แต่เนื้อหาข่าวส่วนใหญ่กลับบอกว่าผู้ปลดปล่อยชาวรัสเซียกำลังทำลายล้างยูเครน 

ข้อมูล ประมาณ 70% ใน Yandex News มาจากแหล่งที่มาของสื่อที่ควบคุมโดยรัฐซึ่งผลักดันการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐปราบปรามสื่ออิสระของรัสเซียเป็นเวลานานนับทศวรรษ

แต่การปฏิบัติตามทางการรัฐของ Yandex ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย สามสัปดาห์หลังการรุกราน Khudaverdyan ถูกสหภาพยุโรปลงโทษฐานปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับสงครามจากสาธารณะจนเขาต้องก้าวลงจากตำแหน่ง สี่วันต่อมา หุ้น Yandex ถูกหยุดไม่ให้ซื้อขายบน Nasdaq 

มีการประเมินว่ามีพนักงานมากถึงหนึ่งในสามของจำนวนพนักงานทั้งหมดได้หนีออกจากประเทศภายในเวลาเพียงสองเดือนแรกหลังการบุกรุก

หลังจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ Yandex ได้วางแผนที่จะทิ้งแพลตฟอร์มข่าวและเนื้อหา โดยขายให้กับ VK ในทางกลับกัน Yandex ได้ซื้อบริการส่งอาหารของ VK ซึ่งข้อตกลงเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน

จากนั้น เก้าเดือนหลังจากการรุกรานเริ่มขึ้น Yandex ประกาศว่าจะยุติรูปแบบของธุรกิจเดิม บริษัทจะแบ่งออกเป็นสองส่วน: ส่วนที่เป็นของรัสเซียและอีกส่วนที่เป็นของบริษัทแม่เดิม ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ 

ส่วนของรัสเซียซึ่งยังคงควบคุมธุรกิจหลักของบริษัท ถูกกำหนดให้เป็นหุ้นส่วนการจัดการพิเศษซึ่งประกอบด้วยผู้นำ Yandex 3 คน และ Alexei Kudrin ที่เป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีปูติน

เมื่อเครมลินเข้าครอบงำ 

Yandex เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเครมลินในการพยายามเข้าควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของรัสเซีย โดยเกรงกลัวในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลทางออนไลน์ของประชากรอย่างอิสระ 

ความพยายามเหล่านี้เกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อ Facebook และ Twitter ช่วยจุดประกายการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 

บางส่วนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเข้าร่วมการประท้วงโดยหวังว่าจะช่วยให้รัสเซียอยู่ในเส้นทางเสรีนิยมและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ในปีต่อๆ มา รัสเซียบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น จับกุมผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จากการโพสต์ เรียกร้องการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ และแนะนำให้มีการกลั่นกรองเนื้อหา 

สิ่งนี้สร้างแรงกดดันต่อทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลตะวันตก เช่น Facebook, Twitter และ LinkedIn (ซึ่งถูกบล็อกในรัสเซียตั้งแต่ปี 2016) หรือแม้กระทั่งแพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศ

หลังจากที่ Pavel Durov ถูกบีบออกจากบริษัทในปี 2014 และผู้มีอำนาจของเครมลินเข้าควบคุม เขาได้ทำการหลบหนีออกจากประเทศ Durov ซึ่งต่อมาได้สร้างแอปส่งข้อความ Telegram อธิบายว่ารัสเซีย “เข้ากันไม่ได้กับธุรกิจอินเทอร์เน็ต” จากการศึกษาของ National Research University Higher School of Economics พบว่าผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ “Unicorn” ​​ได้หนีออกจากรัสเซียมากกว่าประเทศอื่นๆ

The Rise of RuNet

หลังจากที่นานาชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหลังจากการผนวกไครเมียในปี 2014 รัฐบาลรัสเซียก็เริ่มส่งเสริมแนวคิดเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตอธิปไตยของตนเอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรียกว่า RuNet 

สงครามกับยูเครนและการคว่ำบาตรทำให้มีการผลักดันแนวคิดนี้เพิ่มมากขึ้น ในเดือนมีนาคม 2022 เครมลินปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างประเทศ เช่น Instagram Facebook และ Twitter

มีการสร้างบริการเพื่อแทนที่แพลตฟอร์มต่างประเทศยอดนิยมดังกล่าวด้วยเวอร์ชันในประเทศ เพื่อแทนที่ Google Play และ Apple AppStore VK ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลเปิดตัว App Store ในประเทศชื่อ RuStore ส่วนบริการอย่าง TikTok, Instagram และ YouTube มีการสร้างเลียนแบบขึ้นมา เช่น Yappy, Rossgram และ RuTube 

RuTube บริการเลียนแบบ Youtube จากรัสเซีย (CR:MediaSapiens)
RuTube บริการเลียนแบบ Youtube จากรัสเซีย (CR:MediaSapiens)

Yandex News จะมีส่วนร่วมในการรวมการควบคุมของรัฐเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้ภาษารัสเซียสามารถที่จะอ่านได้ ในที่สุดก็รวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ข่าวอื่น ๆ ของ VK

การควบคุมเนื้อหาออนไลน์ไม่ใช่วิธีเดียวที่รัสเซียต้องการใช้อำนาจอธิปไตยทางด้านดิจิทัล หลังจากมีมาตรการคว่ำบาตรเมื่อปีที่แล้ว รัฐได้เริ่มส่งเสริมเป้าหมายอย่างเร่งด่วนในการสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีแบบควบคุมตัวเองทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่บริการทางการเงินไปจนถึงฮาร์ดแวร์และซัพพลายเชน 

รัฐบาลรัสเซียให้คำมั่นว่าจะจัดหาเงินทุนอย่างจำนวนมหาศาล สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของตน ซึ่งอาจมีมูลค่ามากกว่า 3.19 ล้านล้านรูเบิล (41.2 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2030

แต่การสร้างภาคส่วนดังกล่าวของประเทศมันไม่ใช่เรื่องที่จะเสกขึ้นมาได้ง่าย ๆ เพราะลำพังอุตสาหกรรมชิปของรัสเซียก็ยังล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ ในโลกอยู่ราว ๆ 10 ถึง 15 ปี 

ก่อนการคว่ำบาตร รัสเซียนำเข้าสินค้าไฮเทคมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยการนำเข้าส่วนใหญ่ (66%) มาจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของ Bruegel Think Tank ที่มีฐานอยู่ในบรัสเซลส์ ผู้เชี่ยวชาญเช่น Heli Simola นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารแห่งชาติฟินแลนด์ ประมาณการว่าการนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีลดลง 30% ตั้งแต่ปีที่แล้ว

เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า รัสเซียจึงสูญเสียการเข้าถึงผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เช่น Cisco, SAP, Oracle, IBM, TSMC, Nokia, Ericsson และ Samsung

การเปลี่ยนท่าทีของรัสเซียเพื่อสร้างธุรกิจเทคโนโลยีใหม่โดยไม่มีการพึ่งพาต่างประเทศ มันเหมือนการย้อนกลับไปสู่ยุคของสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันรัสเซียมีแนวโน้มที่จะพึ่งพาผู้ลักลอบนำเข้าชิปและคู่ค้าเช่นจีนมากกว่าที่จะดำเนินการตามลำพังอย่างแท้จริง 

การล่มสลายของ Skolkovo

ก่อนการรุกรานของยูเครน รัฐบาลรัสเซียได้พยายามเสริมสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Skolkovo ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูงที่รัสเซียพยายามเลียนแบบ Silicon Valley ขึ้นมา

Skolkovo ซึ่งเปิดตัวในปี 2010 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำพาประเทศสู่ยุคใหม่ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดี Dmitry Medvedev ในขณะนั้น  

Skolkovo ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก ใช้เวลาขับรถไม่ถึง 30 นาทีจากเครมลิน Skolkovo ดูเหมือนอุทยานเทคโนโลยีที่ดูล้ำหน้าไม่ต่างจาก Silicon Valley ความฝันคือมันจะกลายเป็นฐานสำหรับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีของรัสเซีย โดยมอบทุนการศึกษา และพื้นที่สำนักงานจำนวนมากให้กับเหล่าผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี 

Skolkovo ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูงที่รัสเซียพยายามเลียนแบบ Silicon Valley (CR:Fondapol)
Skolkovo ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูงที่รัสเซียพยายามเลียนแบบ Silicon Valley (CR:Fondapol)

ในช่วงต้นเหล่าผู้บริหารด้านเทคโนโลยีของตะวันตกและบริษัทร่วมทุน เช่น Google, Intel, Nokia และ Siemens เข้าร่วมสภาและคณะกรรมการของ Skolkovo เพื่อช่วยผลักดันวิสัยทัศน์ดังกล่าวของ Medvedev

Skolkovo สามารถสร้างสตาร์ทอัพรัสเซียที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากสงครามเริ่มขึ้น เหล่าวิศวกร นักวิจัย จากนานาชาติจำนวนมากละทิ้ง Skolkovo และหนีออกจากรัสเซียแทบจะทันที 

ที่สำคัญกว่านั้น การร่วมทุนจากต่างชาติก็เริ่มที่จะถอยห่าง ในปี 2022 การลงทุนร่วมทุนในบริษัทรัสเซียลดลง 57%  เหลือ 1.1 พันล้านดอลลาร์

Medvedev ประกาศในเดือนธันวาคมว่า Skolkovo จะดำเนินการในรูปแบบใหม่หลังเกิดการคว่ำบาตร โดยจะนำเงินจากรัฐบาลบางส่วนมาอุดหนุนโดยมุ่งผลักดันภาคเทคโนโลยีของรัสเซียไปสู่การพึ่งพาตนเอง 

ในเดือนกุมภาพันธ์ Skolkovo ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ  ผู้นำคนสำคัญ ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีของรัสเซีย เช่น Irina Travina ประธานคณะกรรมการสมาคมไอที SibAcademSoft ใน Novosibirsk เชื่อว่าบริษัทรัสเซียจะยังคงเติบโตต่อไปในรัสเซียโดยร่วมมือกับตลาดอื่นๆ นอกขอบเขตของ NATO เช่น ตลาดในรัสเซีย เอเชีย ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง 

ผลตอบแทนที่ไม่มีความแน่นอน

นับตั้งแต่เริ่มสงคราม ประเทศได้เห็นคลื่นของการควบรวมและซื้อกิจการ เนื่องจากบริษัทต่างชาติรีบหนีออกจากตลาด โดยมักจะขายสินทรัพย์ของตนให้กับคู่แข่งรัสเซียในราคาต่ำ หนึ่งในสินทรัพย์ดังกล่าวคือ Avito ซึ่งเป็นเว็บไซต์โฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรัสเซียและใหญ่ที่สุดในโลก

ในเดือนตุลาคม บริษัทในเครือของ Naspers บริษัทในแอฟริกาใต้ได้ขายมันในราคา 2.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเศษเสี้ยวของมูลค่าประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อชิ่งหนีออกจากรัสเซีย บริษัทย่อยเดียวกันได้ขายหุ้นใน VKontakte ด้วย การทิ้งบริษัทเหล่านี้อาจทำให้เครมลินสามารถควบคุมภาคเทคโนโลยีได้มากขึ้น 

แต่สิ่งที่น่ากังวลคืออาจมีผู้ใช้ชาวรัสเซียไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลในปัจจุบันของประเทศ รวมถึงเหล่าพนักงานด้านเทคโนโลยีจำนวนมากได้เดินทางหนีไปประเทศอื่น ๆ เช่น คาซัคสถาน จอร์เจีย อาร์เมเนีย และตุรกี

รัสเซียหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมให้แรงงานเหล่านี้กลับมา ในเดือนพฤศจิกายน ป้ายโฆษณาบนไทม์สแควร์ของนิวยอร์กแสดงให้เห็นเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านท้องฟ้าสีครามสดใสและแสดงข้อความเป็นภาษารัสเซียว่า “ได้เวลากลับบ้านแล้ว!” โฆษณาได้เชิญชวนให้พนักงานเทคโนโลยีกลับบ้านและไปที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ Alabuga ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐตาตาร์สถานของรัสเซีย 

แต่สำหรับตอนนี้ ดูเหมือนว่าเหล่าคนทำงานด้านไอทีจะยังไม่กลับมาอย่างแน่นอน รัสเซียกำลังดิ้นรนกับภาวะขาดแคลนแรงงานทักษะสูงเหล่านี้ 

รายงานของ Gartner ที่เผยแพร่ในช่วงปลายปี 2021 ก่อนสงครามระบุว่าในปี 2025 การขาดแคลนแรงงานด้านดิจิทัลที่มีทักษะจะเพิ่มขึ้น 50% ซึ่งอาจมีจำนวนสูงถึง 1 ล้านคน 

บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับสูงหลายคนได้สละสัญชาติรัสเซียของตนตั้งแต่ช่วงสงคราม รวมทั้ง Yuri Milner มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี และ Oleg Tinkov ผู้ก่อตั้งธนาคารออนไลน์ Tinkoff อีกหลายคนเก็บตัวเงียบเพราะผลที่ตามมาของการขัดขืนคำสั่งเครมลินของพวกเขา

Yuri Milner มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ที่ยอมทิ้งสัญชาติรัสเซีย (CR:Wikipedia)
Yuri Milner มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ที่ยอมทิ้งสัญชาติรัสเซีย (CR:Wikipedia)

Diuzharden ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งเป็นประเทศที่พนักงานไอทีชาวรัสเซียจำนวนมากย้ายถิ่นฐานมาอยู่ เนื่องจากเงื่อนไขด้านวีซ่าที่มีความเอื้ออำนวย

เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของเธอที่มักดาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซีย เพื่อนของเธอหลายคนที่ออกจากประเทศต้องการกลับมา

Diuzharden กล่าวว่า “ฉันพร้อมจะกลับมารัสเซีย แต่ภายใต้เงื่อนไขบางประการ” เธอกล่าว “ฉันไม่ต้องการอยู่ในประเทศที่ปูตินเป็นประธานาธิบดี ฉันไม่ต้องการอยู่ในประเทศที่เป็นผู้เริ่มก่อสงคราม”

References :
https://www.reuters.com/technology/russias-yandex-beats-fy-revenue-target-after-google-pulls-advertising-2023-02-15/
https://www.technologyreview.com/2023/04/04/1070352/ukraine-war-russia-tech-industry-yandex-skolkovo/
https://www.bbc.com/news/technology-38014501
https://www.reuters.com/technology/yandex-ceo-volozh-resigns-after-eu-sanctions-2022-06-03/
https://www.express.co.uk/news/world/1603418/Russia-exodus-IT-sector-AI-industry-Western-sanctions-economy-Putin