การแบน TikTok จากสหรัฐฯ กับเหตุผลที่เป็นมากกว่าแค่เรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

“ถ้ามีประเทศหนึ่งเต็มใจที่จะบินบอลลูนเหนือน่านฟ้าของเรา และผู้คนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วเหตุใดพวกเขาจะไม่ใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok ให้กลายเป็นอาวุธ? หรือแอปดักข้อมูลในโทรศัพท์ของชาวอเมริกัน 60 ล้านคน” Marco Rubio รองประธานคณะกรรมการข่าวกรองวุฒิสภา จากพรรคริพับริกันกล่าว

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ กับกระแสที่นักการเมืองสายเหยี่ยวของอเมริกากำลังโจมตี TikTok อย่างหนัก มีการเรียกร้องให้แบนแพลตฟอร์มนี้ทั่วทั้งประเทศ เรียกร้องให้ทั้ง Apple และ Google ลบแอปออกจาก Store

TikTok ซึ่งมีเจ้าของคือ ByteDance ในประเทศจีน ได้กลายเป็นแอปโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้ถูกนักการเมืองสหรัฐไล่บี้อย่างหนัก ในความพยายามห้ามใช้แอปยอดนิยมบนอุปกรณ์ของรัฐบาลซึ่งได้รับการผลักดันในระดับรัฐ

ในขณะนี้รัฐบาลกว่าครึ่งของมลรัฐทั่วสหรัฐอเมริกาสั่งห้าม TikTok รวมถึงการแบนจากเครือข่ายของมหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่ง

ซึ่งนอกจากความสัมพันธ์ของ TikTok กับพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนแล้ว นักการเมืองสหรัฐฯ ยังกังวลเกี่ยวกับความซับซ้อนของอัลกอริธึมการแนะนำวีดีโอของแอป

ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของ TikTok นั้น คือความสามารถในการคาดเดาว่าผู้ใช้ต้องการดูวีดีโอใด ซึ่งบางวีดีโอนั้นผู้ใช้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าชอบจนกว่าหน้า For You ของแอปจะโน้มน้าวใจพวกเขาไปยังวีดีโอถัดไป

ก็ต้องบอกว่า TikTok เองนั้นไม่เพียงแค่ดึงข้อมูลผู้ใช้ แต่ยังสามารถมีอิทธิพลต่อรสนิยมของผู้ใช้โดยการจัดการกับอารมณ์ ซึ่ง TikTok ได้คอยปรับแต่งและในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้โดยสิ้นเชิง (ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากแพลตฟอร์มของอเมริกาเองอย่าง Facebook) ซึ่งเหล่านักการเมืองสายเหยี่ยวของอเมริกาต่างเกรงกลัวกันว่าจีนจะมุ่งเป้าไปที่เกมระยะยาว

“ข้อมูลเป็นสินค้าที่มีค่าที่สุดในโลก การมีข้อมูลเกือบทั้งหมดบนอุปกรณ์ของชาวอเมริกันกว่า 50 ล้านคนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าถึงได้ทุกวันจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มากเกินไปต่อความมั่นคงของประเทศอเมริกา ต่อเศรษฐกิจของเรา และต่อความสามารถในการแข่งขันของเรา” Rubio กล่าว

Marco Rubio รองประธานคณะกรรมการข่าวกรองวุฒิสภา จากพรรคริพับริกัน (CR:Engadget)
Marco Rubio รองประธานคณะกรรมการข่าวกรองวุฒิสภา จากพรรคริพับริกัน (CR:Engadget)

ในขณะที่ฟากฝั่งบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เองก็ใช่ย่อย ซึ่งสิ่งที่นักการเมืองสหรัฐฯ กล่าวหา TikTok นั้นก็เป็นสิ่งเดียวกับที่แพลตฟอร์มของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐเองนั้นกระทำไปทั่วโลก

ด้วยผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่น่าแปลกใจว่าบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐเองก็พยายามล็อบบี้นักการเมืองของพวกเขาเพื่อสร้างกฎเกณฑ์ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกเขาเอง

ข้อมูลโดยเฉพาะในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้ ล้วนเป็นเครื่องจักรทำเงินที่สำคัญ และ TikTok ก็มองเห็นสิ่งนั้นและกำลังจะแย่งชิงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้จากบริษัทจากซิลิกอนวัลเลย์อยู่

คงไม่พูดเกินเลยนักว่ามันเปรียบเสมือนสุภาษิตไทยที่ว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” เพราะสิ่งที่นักการเมืองสหรัฐมองเห็นสิ่งที่ TikTok มีนั้น มันก็มาจากข้อมูลที่เหล่าบริษัทเทคโนโลยีอเมริกาได้รับมาก่อน พวกเขาจึงเห็นศักยภาพของมันว่ามหาศาลขนาดไหน

แต่สิ่งที่ TikTok จากประเทศจีนได้เปรียบกว่ามาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องการค้าขาย เช่นในธุรกิจ Ecommerce เมื่อพวกเขาเรียนรู้พฤติกรรมทุกอย่างของผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยการที่เป็นฐานการผลิตขนาดยักษ์ สินค้าที่มีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ ข้อมูลพฤติกรรมความชอบเหล่านี้ที่ TikTok ได้ไปนั้น จะสร้างมูลค่าทั้งต่อทั้งแพลตฟอร์มและต่อประเทศจีนได้มากกว่าเครือข่ายที่มุ่งเน้นแต่การขายโฆษณาจากซิลิกอนวัลเลย์ได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
https://www.wired.com/story/us-congress-tiktok-ban-privacy-law
https://sea.mashable.com/life/22405/these-college-campuses-are-banning-tiktok-heres-why
https://gizmodo.com/tiktok-china-byte-dance-ban-viral-videos-privacy-1850034366
https://amac.us/biden-ignores-tiktok-national-security-threat-for-political-expediency/
https://www.express.co.uk/news/world/1447673/joe-biden-tiktok-donald-trump-ban-review-us-latest-breaking-news