The Great (Ghost) Firewall ฉากหน้าของเสรีภาพกับการปฏิวัติทางอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า “ความเป็นส่วนตัว”

คุณจะรู้สึกอย่างไรหากอาศัยอยู่ในประเทศที่มีความเสรีประชาธิปไตยอย่างสูงส่ง แต่กลับถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาว่า คุณกำลังค้นหาอะไรใน Google คุยกับใครในแพล็ตฟอร์ม Messenger หรือทำอะไรอยู่บ้างบนแพล็ตฟอร์ม Social Media

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศที่ยึดถือระบอบคอมมิวนิสต์ในการนำพาประเทศอย่างจีน แต่กำลังเกิดขึ้นในประเทศที่อ้างเรื่องความเสรีภาพ ประชาธิปไตยแบบสุดโต่งอย่างสหรัฐอเมริกา

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหนังสือ Permanent Record โดย Edward Snowden เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจของ Snowden เกี่ยวกับการออกมาแฉเรื่องราวการสอดส่องพลเมือง รุกล้ำความเป็นส่วนตัวแบบสุดขีดของประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา

แม้จีนจะมีสิ่งที่เรียกว่า The Great Firewall แต่แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ ทุกคนสามารถที่จะเลือกทำสิ่งต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ได้เพื่อไม่ให้ถูก monitor จากรัฐบาล อย่างน้อยประชาชนก็รู้ตัวและมีทางเลือก

แต่กลับกัน The Ghost Firewall ของอเมริกานั้น ทุกคนแทบจะไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้น แถมยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศเสียด้วย

อาชีพของ Snowden ในหน่วยงานอย่าง American Intelligence Community (IC) นั้นถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะเขาได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การจารกรรมของอเมริกา

เป็นการเปลี่ยนผ่านจากการสอดส่องเป้าหมายของบุคคลเป็นการสอดแนมประชากรแทบจะทั้งประเทศ Snowden เองก็เป็นหนึ่งในทีมงานที่ช่วยในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีในการรวบรวมการสื่อสารทางดิจิทัลทั้งหมดของโลก เก็บมันไว้ และให้รัฐบาลสามารถค้นหาข้อมูลเหล่านี้ได้

ระบบการเฝ้าระวังที่อ้างเรื่องภัยความมั่นคงจากปัญหา 911 นั้นจัดตั้งโดยปราศจากการยินยอมของประชากรในประเทศ ความเสื่อมถอยดังกล่าวนั้นคงเปรียบไม่ต่างจากระบอบบประชาธิปไตยถดถอยไปสู่ระบอบที่ไม่ต่างจากเผด็จการ

นั่นเองที่ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงมองสินค้าทางด้านเทคโนโลยีเช่น Huawei หรือแพล็ตฟอร์มจีนต่าง ๆ นา ๆ ว่าเป็น spy ที่คอยสอดแนม ที่ถูกกล่าวหาจากโลกตะวันตก เพียงเพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้พวกเขาทำมาก่อนแล้วนั่นเอง ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะระมัดระวังมันเป็นพิเศษ

โครงการอย่าง PRISM ซึ่งมันแทบจะไม่ต่างจาก The Great Firewall ของประเทศจีนแต่อย่างใด ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA)

มีการทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนในการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตหลายล้านคน บริษัททางด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ก็ล้วนเข้าร่วมไล่มาตั้งแต่ Microsoft ที่เข้าร่วมเป็นรายแรก ตามด้วย Yahoo หลังจากนั้นก็เป็น Google , AOL , Facebook , Skype หรือแม้กระทั่ง Youtube

มันแทบจะเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีหลักแทบจะทั้งหมดของชาวอเมริกัน แม้จะมีการอ้างคำปฏิเสธต่าง ๆ นา ๆ จากผู้ให้บริการเหล่านี้ว่าไม่ได้เข้าร่วมกับโครงการดังกล่าวก็ตามที

แต่หลักฐานที่ Snowden เปิดมานั้นเรียกได้ว่า ทุกอย่างมันแทบจะกระจ่างกับสิ่งที่รัฐบาลอเมริกาได้ทำไว้ กับประชาชนของพวกเขาที่หวงแหนเรื่องเสรีภาพเป็นอย่างยิ่ง

มันไม่ใช่เพียงแค่การสอดแนมประชาชนชาวอเมริกันเท่านั้น เพราะใครจะไปกล้ารับรองว่า สิ่งที่พวกเรา (ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในอเมริกา) ใช้กันอยู่ในแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ ในวันนี้นั้น จะไม่ถูกสอดแนมจากพวกเขา

การสอดแนมไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องความได้เปรียบทางเศรษฐกิจอีกมากโข ที่ได้รับข้อมูล inside ของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก หรือ แม้กระทั่งพฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ทั้งใน social media หรือ ecommerce มันจะสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันให้กับประเทศได้มากแค่ไหน หากประเทศเราสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ออกมาได้

ซึ่งมันคงไม่เกินเลยที่จะกล่าวได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการสอดแนมระบบทุนนิยม และจะกลายเป็นจุดจบของอินเทอร์เน็ตในยุคเก่าที่ต้องมีการปฏิวัติเรื่องความเป็นส่วนตัวกันครั้งใหญ่เลยนั่นเองครับผม

References Image : https://www.theguardian.com/us-news/ng-interactive/2019/sep/13/edward-snowden-interview-whistleblowing-russia-ai-permanent-record