เมื่อ Big Tech ลดการจ้างงาน กับผลกระทบจากภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์

เรียกได้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ธุรกิจ Tech พุ่งแรงขึ้นอย่างสุดขีด ผู้คนต่างติดอยู่กับบ้านจากสถานการณ์ lockdown ทำให้ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อธุรกิจ Tech โดยเฉพาะด้านการโฆษณาออนไลน์ที่เติบโตแบบฉุดไม่อยู่

แต่มันเหมือนกระแสเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อมาถึงจุดนี้บริษัทยักษ์ใหญ่โดยเฉพาะ Google เพิ่งประกาศว่าจะหยุดการจ้างงานเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าบริษัทต้องการมุ่งเน้นทรัพยากรของพวกเขาไปที่ใด

หลังจากธุรกิจโฆษณาที่เริ่มตกต่ำในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อผู้โฆษณาการค้นหารายใหญ่สำหรับอุตสาหกรรม เช่น การเดินทางและการท่องเที่ยว เริ่มลดงบประมาณในการโฆษณาออนไลน์

ตอนนี้อาจเป็นอาการเมาค้างของ Google นักวิเคราะห์ของ Bernstein Mark Shmulik กล่าว “หากความต้องการด้านการเดินทางสูง เหล่าบริษัทท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องโฆษณามากนัก นั่นจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาลดลง”

มันเป็นเรื่องเห็นได้ชัด ที่ผู้คนทั่วโลกต่างเก็บกดจากการ lockdown มาเป็นเวลาสองปี ที่พวกเขารอวันที่จะออกไปท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งตัวอย่างประเทศไทยเองที่เริ่มเปิดประเทศ ก็เริ่มมีการเดินทางเข้ามาอย่างมหาศาล โดยที่แทบจะไม่ต้องทำการตลาดแต่อย่างใด

มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจโฆษณาของ Google ตัวอย่างเช่น iPhone ที่ได้ลดทอนความสามารถของแอปอย่าง Facebook เพื่อติดตามประสิทธิภาพของโฆษณา ผู้ลงโฆษณาจึงเปลี่ยนงบประมาณไปที่โฆษณาบน Android หรือ Google Search ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นข่าวร้ายสำหรับ Meta บริษัทแม่ของ Facebook แต่เป็นความโชคดีเพียงแค่ชั่วคราวของ Alphabet เท่านั้น

ผู้โฆษณาแบรนด์ใหญ่ยังคงเพิ่มการใช้จ่ายในบริการวิดีโอ จากไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่สองของปีนี้ ผู้ลงโฆษณาได้เพิ่มการใช้จ่ายบน YouTube ระหว่าง 15% เป็น 30% ตามข้อมูลของ Ed Foster รองประธานระดับโลกด้านการค้นหาที่ GroupM ซึ่งเป็นหน่วยงานในการจัดซื้อสื่อ เขากล่าวว่าแบรนด์ต่างๆ เพิ่มการใช้จ่ายในโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของ Google แต่เพิ่มขึ้นทีละน้อยเพียงเท่านั้น

รายได้ที่น่าผิดหวังล่าสุดของ Snap ที่เปิดเผยออกมาล่าสุดอาจหมายถึงข่าวร้ายสำหรับ Youtube โดย Snap ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสสองซึ่งต่ำกว่ารายรับ ส่งผลให้หุ้นตกฮวบทันที โดยลดลง 25% เพียงหนึ่งชม.หลังจากการประกาศผลประกอบการ

Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap กล่าวว่าการใช้จ่ายโฆษณาชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงไตรมาสดังกล่าว รายงานรายได้ของ Snap ดิ่งลงเหวและได้สร้างผลกระทบต่อตลาดโฆษณาออนไลน์โดยรวม โดยส่วนแบ่งการตลาดโฆษณาของ Facebook และ Google ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ของพวกเขาพึ่งพาโฆษณาออนไลน์แทบทั้งหมด ลดลง 5% และ 3% ตามลำดับ

Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap กล่าวว่าการใช้จ่ายโฆษณา (CR:Forbs)
Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap กล่าวว่าการใช้จ่ายโฆษณาชะลอตัวลงอย่างมาก (CR:Forbes)

YouTube ซึ่งมีธุรกิจคล้ายกับ Snapchat มีรายได้จากโฆษณามากมายจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโฆษณาเพื่อการติดตั้งแอป ด้วยตลาดภาครัฐและเอกชนที่กระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าการเติบโต แคมเปญโฆษณาประเภทต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้จึงเข้ามามีบทบาท

YouTube กำลังเผชิญกับการคุกคามจากแอปอื่นๆ เช่น TikTok จนถึงตอนนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าพวกเขายังไม่เห็นการมีส่วนร่วมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในธุรกิจการค้นหาหรือ YouTube นั่นทำให้การเติบโตที่ช้าลงก็อาจมีนัยสำคัญต่อบริษัทเหล่านี้ในขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

บทสรุป

จะเห็นได้ว่าตลาดหลักอย่างโฆษณาดิจิทัลออนไลน์ในตอนนี้ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากมี demand เทียมที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 พร้อมกับการพุ่งทะยานของธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี

ซึ่ง Big Tech ส่วนใหญ่ ทั้ง Google หรือ Facebook เองนั้นพึ่งพารายได้จากส่วนนี้เป็นหลัก รวมถึงอีกหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากการแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายมันได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนโดยเฉพาะการจ้างงาน หรือ การปลดคนงานออก เพื่อลดภาระของบริษัท

ซึ่งแน่นอนว่า ค่าแรงที่สูงเว่อร์ การแย่งตัววิศวกรโดยเฉพาะโปรแกรมเมอร์นั้น อาจจะเริ่มลดลง ที่ทำให้ก่อนหน้านี้บริษัทเล็ก ๆ แทบจะไม่สามารถที่จะไปจ้างกลุ่มคนเหล่านี้ได้ จะมีการปรับเข้าสู่ภาวะที่สมดุลอีกครั้ง หลังฝุ่นของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้จางหายไปนั่นเองครับผม

References :
https://www.businessinsider.com/snap-ceo-evan-spiegel-says-demand-advertising-has-slowed-significantly-2022-7
https://www.businessinsider.com/googles-ads-business-looks-shaky-as-looming-recession-hits-youtube-2022-7