อัตราเงินเฟ้อ กับภัยคุกคามที่สำคัญของบริการ Delivery Service ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เรียกได้ว่าเป็นตลาดแดงเดือดที่แข่งกันอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียวนะครับสำหรับบริการ Delivery Service ที่มีการแข่งขันกันมากมาย ในประเทศไทยเอง ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Grab , Foodpanda , Shopee food , Lineman หรือบริการของไทยแท้ ๆ อย่าง Robinhood

โปรโมชั่นที่ถาโถมแข่งกันอย่างดุเดือด แบบไม่มีใครยอมใคร และดูเหมือนว่า ลูกค้าในตอนนี้ก็ไร้ซึ่ง Royalty ใครให้โปรดีกว่า ก็พร้อมย้ายไปค่ายนั้น ๆ แบบทันที เพราะแค่เปิดแอป แล้วเปรียบเทียบราคา ซึ่งทำได้ง่ายมาก ๆ ในตอนนี้ ก็ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคแล้ว

ราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทุกบริการเหล่านี้มีต้นทุนที่สำคัญมาก ๆ นั้นก็คือพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน มีรายงานข้อมูลที่น่าสนใจในเรื่องนี้จากสื่อชื่อดังอย่าง techinasia

Marlon ซึ่งเป็น Rider ส่งอาหารของ Grab ในประเทศฟิลิปปินส์ได้กล่าวว่า เขาสามารถหารายได้ประมาณ 1,000 เปโซ ( 650 บาท) ต่อวัน หากเขาสามารถทำได้ 15 เที่ยว แต่ตอนนี้ต้นทุนค่าน้ำมันที่สูงขึ้นกำลังกัดกินรายได้ของเขา

ในทุกวันนี้ Marlon ต้องจ่ายค่าน้ำมัน 300 เปโซ (195 บาท) สำหรับรถจักรยานยนต์ของเขา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 180 เปโซ (เพิ่มขึ้น 67%) เทียบกับช่วงก่อนที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ซึ่งก็ต้องบอกว่า เรื่องราวของ Marlon นั้นเป็นเรื่องธรรมดาในปีนี้ ราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ขับขี่ที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันเอง รวมถึงค่าอาหารก็เช่นกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

สิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบโดยตรงกับแพลตฟอร์มทางด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค เช่น Grab , Foodpanda , Robinhood , Lineman หรือ Shopee food ฯลฯ

ด้วยการแข่งขันที่สูง ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการตลาดที่สูงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะถูกโจมตีจากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะต้นทุนด้านเชื้อเพลง ซึ่งมันส่งผลกระทบในวงกว้างเป็นอย่างมาก

ต้นทุนที่สูงขึ้นของธุรกิจขนาดเล็ก

ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นมันส่งผลอย่างชัดเจนต่อร้านอาหารที่ใช้แอปส่งอาหาร และยังต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นจำนวนมหาศาลให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้

Good Sh*t Coffee ในเมืองมากาตี ประเทศฟิลิปปินส์ จ่ายเงินซื้อเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น 20% ถึง 40% หลังจากพายุไต้ฝุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำลายฟาร์มหลายแห่งทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้เกิดการขาดแคลนกาแฟ ตอนนี้บริษัทกำลังจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้านำเข้า เช่น นมและครีมชีสด้วย

และที่สำคัญพวกเขาต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 24-27% ให้กับแพลตฟอร์มการจัดส่งของ Grab อีกด้วย

“แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งกวนใจเรา แต่นั่นคือราคาที่คุณต้องจ่ายสำหรับการใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา แต่มันสูงเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างเรา” Paolo Flores เจ้าของร้าน Good Sh*t Coffee กล่าว

นั่นทำให้พวกเขาต้องหาทางเลือกอื่น เช่น การมองหาแพลตฟอร์มอื่น ๆ หรือสร้างบริการของร้านตัวเองขึ้นมาเพื่อเสนอส่วนลดให้กับลูกค้า แทนที่จะไปจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้

ในสหรัฐอเมริกาที่ราคาสินค้าต่าง ๆสูงขึ้น ร้านอาหารก็ทำการขึ้นราคา ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ลูกค้าจะเข้ามาทานอาหารในร้านน้อยลง โดยลูกค้าอาจจะเลือกทำอาหารที่บ้านแทน

ราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนเมษายน ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 4.9%

อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อความต้องการบริการดิจิทัลอย่างไร

ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลเหล่านี้ ที่ไม่ใช่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยี 100% เหมือนอย่าง google , facebook ,tiktok … แต่ต้องพึ่งพาแรงงานที่เป็นมนุษย์ในการสร้างรายได้ให้กับพวกเขา

มันทำให้ส่งผลกระทบมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีจริง ๆ เพราะมี กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ใน ecosystem ของแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น พ่อค้า คนส่งของ พนักงานขับรถ และลูกค้า

โฆษกของ Foodpanda ซึ่งเป็นแบรนด์เอเชียของ Delivery Hero ในเบอร์ลินกล่าวว่า อุปสงค์และอุปทานเป็นเรื่องปรกติสำหรับธุรกิจประเภทนี้ โดยยกตัวอย่างอุปสงค์ที่เปลี่ยนไปในช่วงวันหยุดต่าง ๆ

ซึ่งพวกเขาคิดแบบองค์รวม มีแผนงานระยะยาวที่นำไปปรับใช้ ซึ่งรวมถึงการเสนอส่วนลดสำหรับลูกค้าและเครื่องมือใหม่ ๆ สำหรับผู้ค้า และไม่จำเป็นต้องตอบสนองโดยตรงต่อเหตุการณ์เฉพาะเช่นอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

แต่ในสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามยูเครนและราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น นั่นอาจทำให้ผู้บริโภคประเมินการใช้จ่ายอีกครั้ง โดยเลือกสั่งแบบ Delivery น้อยลง

แต่แน่นอนว่าการระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 ทำให้บริการเหล่านี้บูมขึ้นมาได้เพราะผู้คนไม่สามารถออกจากบ้านได้เหมือนเคย แต่ตอนนี้การระบาดกำลังจะสิ้นสุดลง ผู้คนกำลังกับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้ง

มันอาจจะเป็นการเติบโตแบบหลอก ๆ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ได้รับผลประโยชน์จากการแพร่ระบาด ที่เกิดอุปสงค์แบบเว่อร์ ๆ ขึ้นมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่าแพลตฟอร์มกำลังเจอมรสุมลูกใหญ่อีกลูกหนึ่งนั่นก็คือ อัตราเงินเฟ้อ และ ที่สำคัญมันถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโรคระบาดเพราะมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ ที่เริ่มคลี่คลายลงไป นั่นก็อาจทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องโหยหากับบริการ Delivery Service เหล่านี้อีกต่อไปนั่นเองครับผม

References :
https://bit.ly/3LQ3S1y
https://wapo.st/3t4Bx0N
https://n.pr/3PNDUiw