Goodbye iPod กับรากฐานผลิตภัณฑ์สำคัญที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับอาณาจักร Apple มาถึงทุกวันนี้

หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า iPhone เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท apple ให้กลายมาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลกได้จวบจนถึงทุกวันนี้ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น แนวคิดของ Apple รูปแบบใหม่ ที่หันมาสร้างนวัตกรรม และ เปลี่ยนจากบริษัทคอมพิวเตอร์ ให้กลายมาเป็นบริษัทที่จำหน่าย สินค้า consumer product มันเริ่มมาจาก iPod 

มันเป็นนวัตกรรม ชิ้นเอกของ Apple ในศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ แม้เวลาจะร่วงเลยมาทำให้ตัว iPod เองได้สูญหายไปตามกาลเวลา แต่เรื่องราวสตอรี่ ของการสร้างมันขึ้นมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เพราะมันเต็มไปด้วยอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย กับการที่จะสร้างเครื่องเล่น Mp3 ขึ้นมา แล้วสามารถบรรจุเพลงได้ถึง 1,000 เพลง ถือว่าในตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ ที่ Apple สามารถสร้างมันขึ้นมาและกลายเป็นสินค้า hot hit ติดตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว

ทุก ๆ ที่ ผู้คนทั่วโลกต่างพกเจ้า iPod ตัวนี้ พร้อมด้วยหูฟังสีขาว ที่เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของยุคใหม่ของบริษัท Apple

บริษัท ที่ก่อนจะสร้างผลิตภัณฑ์อย่าง iPod ขึ้นมานั้น แทบจะกลายเป็นบริษัทที่ใกล้จะล้มละลายเต็มที สถานะการเงินก็ย่ำแย่ สินค้าตัวชูโรงอย่าง macintosh ก็แทบจะทำตลาดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

iPod เริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่เรียบง่าย คือการสร้างผลิตภัณฑ์เพลงที่ทำให้ผู้คนต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ macintosh มากขึ้น

แต่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี iPod ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่ทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

มันได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2001 เครื่องเล่นเพลงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพกพาที่มีสีขาว โครงเหล็กขัดมัน มาพร้อมเอียร์บัดสีขาว และบรรจุเพลงได้ 1,000 เพลง

iPod มันกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ยิ่งพวกที่คลั่งเรื่องดีไซน์ และ เหล่าสาวกของ Apple ต่างหลงรัก iPod กันทั้งนั้น และ มันเริ่มแพร่ขยายลัทธิ ของ iPod กระจายไปทั่วโลก

มันทำให้ iPod เป็น ไอคอน แห่งการฉีกกฏเกณฑ์ ต่าง ๆ ที่มีมาทั้งในเรื่องวิศวกรรม รวมถึง ศิลปะด้านการดีไซน์ และเพียงไม่นานก็กระโดดเข้าไปกินเรียบส่วนแบ่งการตลาดถึง 70% ของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาทั่วโลก

iPod ที่เปิดตัวในปี 2001 และกลายเป็นสินค้ายอดฮิตอย่างรวดเร็ว (CR:The Newyork Times)
iPod ที่เปิดตัวในปี 2001 และกลายเป็นสินค้ายอดฮิตอย่างรวดเร็ว (CR:The Newyork Times)

iPod เป็นอุปกรณ์ที่ใช้การบูรณาการ แนวตั้งระหว่าง ซอฟต์แวร์ (iTunes) เข้ากับ ตัว iPod (ฮาร์ดแวร์) ที่เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ไขความสำเร็จให้กับ Apple มันเป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมยอดที่ประสบความสำเร็จในการเอาชนะคู่แข่งได้แบบเบ็ดเสร็จ

มีคนเปรียบเทียบ iPod ว่าเป็น walkman แห่งศตวรรษที่ 21 เป็น walkman แห่งยุคดิจิตอล เป็น walkman ที่ Sony นั้นลืมนึกถึง และเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนกล่าวขวัญถึงอย่าแพร่หลายทั่วโลก

และเจ้า iPod นี่แหละครับที่เป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ชั้นยอดที่ว่านั้น ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนบริษัท Apple จากบริษัทคอมพิวเตอร์ ไปสู่บริษัท consumer product และกลับมายิ่งใหญ่ได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง

แต่หลังจากการกำเนิดของ iPhone ในปี 2007 นั้น ก็ทำให้ ยอดขายของ iPod เริ่มลดลงไปเรื่อย ๆ เพราะตัว iPhone นั้นมีคุณสมบัติ เป็นเครื่องฟังเพลง MP3 แบบพกพาได้ในตัวเหมือน iPod อยู่แล้ว 

เพราะฉะนั้น คนที่มี iPhone อยู่แล้วนั้น ก็มักจะไม่ได้ซื้อ iPod อีกต่อไป มันทำให้ตลาดของ iPod ค่อย ๆ หดตัวลงไปเรื่อย ๆ และถูกแทนที่ด้วย iPhone

ในวันที 27 กรกฏาคม 2017 นั้น Apple ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะทำการเลิกผลิต iPod Nano และ iPod Shuffle  โดยจะเหลือไว้เพียง iPod Touch เท่านั้น

และในที่สุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Apple ได้บอกลา iPod อย่างเป็นทางการ บริษัทประกาศว่าได้ยุติการผลิต iPod Touch ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของสายผลิตภัณฑ์ที่ดำเนินมายาวนานถึง 2 ทศวรรษ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างสรรค์ iPhone และช่วยเปลี่ยน Silicon Valley ให้เป็นศูนย์กลางของระบบทุนนิยมระดับโลก ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ iPod อย่างเป็นทางการ

บทสรุป

ถึงวันนี้ตัวผมเองก็ยังใช้ iPod อยู่เป็น iPod Video ที่ยังคงมีความคลาสสิกอยู่เสมอ มันให้อารมณ์ที่แตกต่างจากที่เราฟังจากบริการสตรีมมิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่มีเพลงให้เลือกหลากหลาย จนบางทีมันก็มากจนเกินไป

ทุกวันนี้ส่วนตัวผมเองก็ยังฟัง iPod อยู่เสมอ
ทุกวันนี้ส่วนตัวผมเองก็ยังฟัง iPod อยู่เสมอ

iPod ทำให้ผมสร้าง playlist อย่างเจาะจง ตามสไตล์การฟังเพลง หรือเพลงยุคเก่า ที่เราชอบได้จริง ๆ เอาจริง ๆ คนเราก็ฟังเพลงตามยุคตามสมัยที่เราชอบวนอยู่เพียงแค่นั้น บางครั้งการมีเพลงมากเกินไปก็ไม่ได้ตอบโจทย์อะไร

iPod มันจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่วิเศษที่สุด มันเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีได้เลยด้วยซ้ำ และมันเป็นการพลิกโฉมของ Apple เข้าสู่ยุคใหม่อย่างที่เห็นในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

และเพราะ ipod นี่เอง ที่ทำให้ จ๊อบส์ กล้าที่จะสร้าง iPhone หรือ iPad ตามมาได้ เพราะเขาสามารถทำเรื่องที่เหลือเชื่อ ด้วยทีมงานคุณภาพที่เริ่มต้นจากการสร้าง iPod มันทำให้จ๊อบส์ กล้าที่จะทำอะไรแหกกฏ ที่เคยมีมา ลองจินตนาการกลับไปทั้งยุคของเครื่องเล่น MP3 ก่อน ที่ iPod จะออก หรือ มือถือ ก่อนที่ iPhone จะออกมา

จ๊อบส์ ทำในสิ่งที่ ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้ทั้งนั้น เพราะมันแตกต่าง มันไม่เหมือนใคร และมันเป็น DNA ของการ Think Different ที่เป็น DNA หลักของ Apple เลยก็ว่าได้ เมื่อจ๊อบส์ พร้อมจะลุย ลูกทีมของเขาก็พร้อมจะสู้กับจ๊อบส์ ไม่ว่าอุปสรรค จะยาก หรือ ท้าทายมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่เคยกลัว

ดูสิ่งที่จ๊อบส์ ทำกับ iPod เป็นตัวอย่าง ว่าการโฟกัสในสิ่งที่ทำ และเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ แม้จะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เกินความสามารถ แต่หากสุดท้าย มีความตั้งใจ และมีทีมงานที่พร้อมจะร่วมสู้ มันก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่เหมือนที่จ๊อบส์และทีมงานสร้าง iPod ขึ้นมาได้นั่นเองครับผม

อ่าน Blog Series : How iPod Builds an Apple Empire

“โซดาสิงห์” ดึง 5 ครีเอเตอร์ NFT ชวนคนไทยประกวดไอเดียพร้อมดันขายในตลาด NFT โลก

“โซดาสิงห์” ตอกย้ำความแข็งแกร่งของคอนเซ็ปต์แบรนด์ “ทุกหยดซ่า…โซดาสิงห์” เดินหน้าบุกโลก NFT เปิดแคมเปญ “Singha Soda NFT Art Contest” ดึง 5 ครีเอเตอร์ดัง ชวนคนไทยครีเอทไอเดีย วาดลวดลายความซ่าในสไตล์คุณ สร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ชิงรางวัลมูลค่ากว่า 400,000 บาท พร้อมผลักดันผลงานเปิดขายในแพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง ‘Opensea’ ผ่านแอคเคาน์ “Singha Soda”

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer – Brand บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาผ่านมา โซดาสิงห์ ไม่หยุดนิ่งการขับเคลื่อนสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างความสนุก ความตื่นเต้นและสร้างสีสันใหม่กับผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา

ภายใต้การดำเนินกลยุทธ์การตลาด Collaboration โดยร่วมกับวงการแฟชั่น ดนตรี ศิลปะ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ “Singha Soda Battle of the Year Thailand” หนึ่งในแคมเปญที่โซดาสิงห์เคยจัดขึ้นมายาวนาน ที่เป็นการแข่งขันดนตรีฮิปฮอปที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย รวมถึงการจับมือกับ มิสเตอร์ การ์ตูน ศิลปินช่างสักระดับโลก ออกแบบฉลากลิมิเต็ด เอดิชั่น สุดเท่ห์

ไปจนถึงการร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นไทยดังไกลระดับอินเตอร์ “Dry Clean Only” ปล่อยเสื้อคอลเลคชั่นพิเศษขายทั่วโลก สร้างความแตกต่างให้กับตลาดที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

 ล่าสุด โซดาสิงห์ ย้ำผู้นำปรากฏการณ์ความซ่าต่อเนื่อง ก้าวสู่โลกยุคดิจิทัล เปิดตัวแคมเปญ “Singha Soda NFT Art Contest” ชวนทุกคนมาปลดปล่อยไอเดีย ปลุกความอาร์ต วาดลวดลายความซ่าแบบโซดาสิงห์ในสไตล์คุณ

กับการสร้างผลงานศิลปะบนโลกดิจิทัล เวทีการแข่งขันสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท โดยมีเหล่าบรรดาศิลปินตัวท็อป NFT ร่วมสร้างผลงาน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สมัคร ได้แก่ ปาล์ม Instinct (ปรียวิศว์  นิลจุลกะ) , PUCK (ไตรภัค  สุภวัฒนา) , Sahred  Toy (อารักษ์  อ่อนวิลัย) , Jeff Aphisit (อภิสิทธิ์  หมื่นนาค) และ Jecks bkk (ธัชกร  ศิรวัชรเดช)

โดยผลงานที่ชนะจะนำมาขายบนแพลตฟอร์ม Opensea ของ “Singha Soda” ซึ่งแคมเปญการตลาดในครั้งนี้ ตอกย้ำการผู้นำในแง่ของการสร้างการรับรู้ (Perception) ในการสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ที่ทำให้คนได้สนุก ตื่นเต้นมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านเทรนด์โลกแต่ละยุคสมัย

“ปัจจุบันนี้ไอเดียซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่ามหาศาลในตลาดโลก คุณไม่จำเป็นต้องวาดรูปเก่งก็ได้ แต่คุณมีไอเดีย เราจะเอาคนไทย 50 คนส่งไอเดียที่คัดเลือกแล้ว ไปขายในตลาดโลกผ่านช่องทาง Opensea ซึ่งเป็นช่องทางที่ซื้อขายผลงาน NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยบริษัทฯ ยินดีมอบรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่าย ให้กับศิลปินเจ้าของผลงานเต็มจำนวน นับเป็นอีกก้าวของการสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ใหม่จากโซดาสิงห์ ที่สะท้อนตัวตนสู่คนรุ่นใหม่” ธิติพร กล่าว

ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนโลกดิจิทัลผ่านแคมเปญ “Singha Soda NFT Art Contest” ภายใต้แนวคิด ดีไซน์จะต้องมีความแปลกใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่ลอกเลียนแบบงานอื่น สามารถตอบโจทย์ “ความซ่าแบบโซดาสิงห์ในสไตล์ของคุณ” พร้อมนำเสนอตัวตนของแบรนด์ “โซดาสิงห์” ออกมาได้อย่างชัดเจน

โดยผลงานดีไซน์โลโก้ หรือขวดโซดาสิงห์ สามารถนำไปใช้ในชิ้นงานได้อย่างสร้างสรรค์ โดยสามารถส่งผลงานได้ที่ www.singhasodanftartcontest.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 มิ.ย. 2565