T-Mobile x Sprint การควบรวมสู่ความผูกขาดกับหายนะความล้มเหลวของตลาดเสรี

การตัดสินใจของ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (United States Department of Justice: DOJ)  ในยุคประธานาธิบดี Donald Trump ที่อนุญาตให้มีการควบรวม ระหว่างเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง T-Mobile และ Sprint เป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดในการบังคับใช้กฏหมายการควบรวมกิจการที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษของประเทศอเมริกา

เมื่อ DOJ ในยุค Trump อนุญาตให้ T-Mobile และ Sprint รวมเข้าด้วยกันในเดือนกรกฎาคม 2019 และมีการสัญญาว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสอง ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากการปรับไปใช้เครือข่าย 5G แบบเร่งด่วนของ T-Mobile

และเพื่อให้การแข่งขันยังอยู่ Makan Delrahim ผู้ช่วยอัยการสูงสุดแผนกป้องกันการผูกขาด ได้วางแผนการที่จะเปลี่ยนผู้ให้บริการทีวีดาวเทียม DISH เพื่อให้มาแทนที่ Sprint ที่ถูกควบรวมไป

แผนของ Delrahim คือ Sprint จะขายทรัพย์สินให้กับ DISH ซึ่งรวมถึงสมาชิกแบบ prepaid 9.3 ล้านรายของ Sprint, แบรนด์ Boost, ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 800 MHz และร้านค้า Sprint และเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ T-Mobile ไม่ต้องการ 

จากนั้น DISH จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ เพื่อสร้างเครือข่ายไร้สายของตนเองโดยใช้เทคโนโลยีที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งพวกเขาสามารถให้บริการลูกค้าโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของ T-Mobile ได้เป็นเวลาเจ็ดปี

ไม่ถึงสองปีต่อมา แผนของ Delrahim ก็พังทลายลงแล้ว

ลูกค้าแบบเติมเงิน DISH ที่ได้รับมาจาก Sprint เน้นหาบริการแพ็คเกจที่มีราคาถูก ซึ่งเครือข่ายที่ DISH ได้รับมานั้นทำงานบนมาตรฐาน CDMA แบบเก่าที่ใช้ในเครือข่าย 3G  และ T-Mobile ประกาศว่าจะยุติบริการ CDMA ในเดือนมกราคม 2022 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเกือบสองปี 

ด้วยการปิดตัวของ T-Mobile ลูกค้าของ DISH จะต้องมา รับอุปกรณ์ใหม่ ซิมใหม่ หรืออัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์  ซึ่งส่งผลให้ DISH ต้องทำการอัพเกรดที่ไม่คาดคิดซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์

DISH ที่ต้องพบกับอุปสรรคหลัง T-Mobile เตรียมปิดสัญญาณ (CR:CNET)
DISH ที่ต้องพบกับอุปสรรคหลัง T-Mobile เตรียมปิดสัญญาณ (CR:CNET)

การประกาศของ T-Mobile ทำให้ Charlie Ergen ซีอีโอของ DISH ประณามการปิดระบบโดยไม่คาดคิดว่าเป็น “การต่อต้านการแข่งขัน” DISH ได้เตือนนักลงทุนถึงแนวโน้มของการสูญเสียสมาชิกหลายแสนรายอาจกลายเป็นหายนะโดยไม่ช้า

สำหรับ T-Mobile นี่เป็นข่าวดีเนื่องจากสมาชิกจำนวนมากที่ทิ้ง DISH จะต้องหันไปใช้ แพ็คเกจราคาถูกของ T-Mobile แทน แต่สำหรับผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อราคา ซึ่งในอดีตพวกเขาสามารถเลือกระหว่าง T-Mobile และ Sprint ก่อนการควบรวมกิจการ ลูกค้าเหล่านี้รู้สึกไม่พอใจที่ต้องเผชิญกับผู้ให้บริการที่มีการผูกขาด 

ความผิดหวังเหล่านี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ เนื่องจากการควบรวมกิจการได้ก่อให้เกิดอันตรายและคุกคามที่จะสร้างความเสียหายมากขึ้นโดยเฉพาะกับผู้ใช้บริการ ทำให้หมดยุคการแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือดในเครือข่ายไร้สายเหมือนในอดีต

บทเรียนจากการควบรวมกิจการ T-Mobile และ Sprint

ผลที่ตามมาจากการควบรวมกิจการสุดท้าย T-Mobile, AT&T และ Verizon สามยักษ์ใหญ่จะรวมกลุ่มกันเพื่อมอบผลกำไรมหาศาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของพวกเขาแทนที่จะคำนึงถึงผู้บริโภค

แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา ซึ่งกลุ่มคนรวย 10% แรกของผู้ประกอบการชาวอเมริกันเป็นเจ้าของประมาณร้อยละ 80 ของหุ้นทั้งหมดของเครือข่ายทั้งสามแห่ง

แต่ในทางตรงกันข้าม เกือบทุกครัวเรือนของประชาชนชาวอเมริกันต้องซื้อแพ็คเกจเพื่อใช้บริการเครือข่ายไร้สายเหล่านี้ และครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำมักจะซื้อแพ็คเกจแบบจ่ายล่วงหน้า ( prepaid ) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ T-Mobile และ Sprint แข่งขันกันอย่างดุเดือดก่อนการควบรวมกิจการ

ด้วยถ้อยแถลงล่าสุดสำหรับนักลงทุน T-Mobile มันก็ได้เฉลยความจริงที่ว่าการควบรวมกิจการได้โอนความมั่งคั่งนับพันล้านจากคนอเมริกันโดยเฉลี่ยไปสู่คนรวย ขยายช่องว่างทางด้านรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนเพิ่มมากขึ้น สร้างความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นในสังคม 

และด้วยเหตุผลนี้และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ข้อตกลงการควบรวมกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint ได้ถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจบังคับใช้การควบรวมกิจการที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของประเทศอเมริกานั่นเองครับผม

References : https://promarket.org/2021/04/23/dish-t-mobile-sprint-merger-disastrous-deal-lessons/
https://www.washingtonpost.com/business/2019/06/19/looming-t-mobile-sprint-merger-is-wakeup-call-free-markets-failures/
https://www.houstonchronicle.com/techburger/article/Here-s-what-the-merger-of-T-Mobile-and-Sprint-15047121.php
https://www.techspot.com/news/83927-t-mobile-adds-another-million-postpaid-customers-ahead.html