Michael Dell เปลี่ยนธุรกิจพีซีที่ตกต่ำของเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินในตอนนี้ได้อย่างไร

Michael Dell ผู้บุกเบิกธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หลังจากเป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาปิดตัวเงียบ และนำพา Dell ออกจากตลาดหุ้นของอเมริกา ตอนนี้เขากำลังพลิกฟื้นจากธุรกิจพีซีที่ตกต่ำ สู่ความทะเยอทะยานครั้งใหม่ที่สุดที่รอเขาอยู่ข้างหน้า

แม้ธุรกิจพีซี จะไม่ได้เติบโตเหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่ Michael และ Egon Durban ผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัท ก็ได้เห็นโอกาสใหม่

ในปี 2015 Michael และ Durban ได้ใช้เงินกว่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การเข้าซื้อกิจการ EMC Corporation ยักษ์ใหญ่ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด

มันเป็นดีลประวัติศาสตร์ ที่เป็นการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามาก ๆ ของ Dell ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้น เมื่อมองถึงตอนนี้ รถยนต์ ระบบโทรคมนาคม โครงข่ายพลังงาน โรงพยาบาล และเครือข่ายโลจิสติกส์ ล้วนกลายเป็นธุรกิจดิจิทัล

นั่นเองที่ทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ต้องมีการจัดเก็บ ซึ่งในตอนนี้ต้องบอกว่า Dell ได้กลายเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นั่นทำให้ Dell กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่า 4 เท่าของที่เคยเป็น และทำให้มูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวของ Micheal นั้นพุ่งสูงขึ้นเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในวัย 56 ปี Michael ได้กลายเป็นผู้นำคนสุดท้ายของโลกเทคโนโลยีจากยุคเก่า คู่แข่งหลาย ๆ คนของเขาต่างเกษียณตัวเองกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates หรือ Larry Ellison หรือแม้กระทั่ง Steve Ballmer เองก็ตามที

Michael ได้เริ่มต้นธุรกิจของเขาจากหอพักในมหาวิทยาลัยเท็กซัสในปี 1983 เขาได้ก่อตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายเครื่องพีซีให้กับชาวอเมริกันหลายล้านคน โดยใช้คอนเซปต์ง่าย ๆ คือ เร็วกว่า ดีกว่า และ ถูกกว่า

เขามีทักษะด้านการเงินตั้งแต่อายุน้อย ๆ ตอนอายุ 13 ปี เขาเริ่มธุรกิจแรกจากบ้าน โดยทำการจำหน่ายสแตมป์ ผ่านการประมูล นั่นทำให้เขามีรายได้ไม่ใช่น้อยสำหรับเด็กอายุเพียง 13 ปี

เมื่ออายุ 16 ปี เขาเก็บเงินได้มากพอด้วยตัวเองที่จะซื้อคอมพิวเตอร์ Apple II ซึ่ง เขาได้ทำการแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อศึกษากลไกการทำงานของมัน

ในปี 1983 หลังจากเข้าศึกษาต่อที่ University of Texas at Austin เขาเริ่มธุรกิจขายดิสก์ไดรฟ์ และชิปหน่วยความจำให้กับผู้ที่ชื่นชอบพีซีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคนั้น

เขาค้นพบว่าผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ IBM ในท้องถิ่นถูกบังคับให้ซื้อสินค้ามาสต็อคมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงซื้อพีซีส่วนเกินในราคาลด 10% ถึง 15% และนำมาขายทำกำไร เขาสามารถทำรายได้สูงถึง 80,000 ดอลลาร์ต่อเดือน และเห็นโอกาสอันสดใสในตลาดนี้ จึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย

เขาค้นพบว่าสามารถประกอบส่วนต่าง ๆ ของ IBM PC ใหม่ได้ในราคาที่ถูกกว่าถึง 40% เขาใช้โมเดลขายตรง เขารับคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ จากนั้นก็ประกอบพีซี และจัดส่งให้ลูกค้าภายในหนึ่งถึงสามสัปดาห์

ในปี 1986 เมื่ออายุได้ 21 ปี Michael มีรายได้สูงถึง 34 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนปี 1988 ในขณะที่เขาอายุ 23 ปี เขาได้นำบริษัท Dell เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และได้กลายเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น

Michael Dell สร้างธุรกิจเข้าตลาดหุ้นได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น (CR:inc.com)
Michael Dell สร้างธุรกิจเข้าตลาดหุ้นได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น (CR:inc.com)

ในปี 1991 Michael ซึ่งตอนนั้นอายุ 26 ปี อยู่ในกลุ่มชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดติดทำเนียบ Forbes 400 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์

แต่การถือกำเนิดของอุปกรณ์ยุคใหม่อย่าง iPhone , iPad หรือแม้กระทั่ง Chromebook นั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Dell ที่จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีเป็นหลัก

ในปี 2012 ยอดขายพีซีลดลง แต่ตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งนั้นเติบโต Dell ถูกมองว่า คงมีสภาพไม่ต่างจาก Nokia อดีตยักษ์ใหญ่ในวงการมือถือโลก ที่ถูก Apple และ Android ของ Google เข้ามาแย่งชิงตลาดจนแทบจะล่มสลาย

Michael จึงคิดที่จะซื้อหุ้นคืนจากบริษัท เพื่อให้กลายมาเป็นบริษัทของตัวเองอีกครั้ง นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นให้มีการต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ที่น่าเกรงขามอย่าง Wall Street

Carl Icahn เป็นผู้นำกลุ่มแกนนำของกลุ่มผู้ถือหุ้นของ Dell แต่ต้องบอกว่าสถานการณ์การแข่งขันอันดุเดือนในตอนนั้น ไม่มีใครนอกจาก Michael และ Durban ที่ต้องการที่จะซื้อ Dell

Michael นั้นมองว่า ธุรกิจพีซียังไม่ตาย และมองว่ามูลค่าของ Dell ยังดูต่ำเกินไปในสายตาของเขา แต่ความพยายามครั้งแรกของเขายังไม่สัมฤทธิ์ผล

ในปี 2015 มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ EMC ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งและธุรกิจจัดเก็บข้อมูลชั้นนำระดับโลก ซึ่ง Michael เองก็อยากได้ EMC มาครอบครองเป็นเวลาหลายปีแล้ว

เขาได้ลองพยายามซื้อกิจการในช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยหวังจะให้ EMC มาช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ด้านคลาวด์คอมพิวติ้งให้กับอาณาจักรของเขา

ซึ่งในปี 2015 นั้น Michael และ Durban ได้พบปะกับผู้บริหารของ EMC เป็นเวลาหลายเดือน แต่ต้องบอกว่า มันก็ยังห่างไกลจากข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น

ดังนั้น Dell จึงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานให้กับ EMC โดย ซีอีโอของ
EMC อย่าง Joe Tucci รวมถึงผู้บริหารระดับสูง Bill Green และ Harry You ได้มีการพูดคุยกับ Dell และมองว่า Dell เป็นทางออกที่ชัดเจนสำหรับแผนเกษียณของ Tucci แต่ต้องได้รับเงื่อนไขเงินสด 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพียงเท่านั้น

และต้องบอกว่าของดีในมือ EMC อีกอย่างนึง นั่นก็คือ VMWare ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุด โดย EMC ถือหุ้น 81% ใน VMWare ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์คอมพิวติ้งที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดี

ส่วนที่เหลือของ VMWare อีก 19% นั้นถูกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก VMWare มีมูลค่าประเมินอยู่ที่ประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในช่วงต้นเดือนกันยายน ข้อตกลงที่มีมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งถือเป็น Deal ยักษ์ใหญ่ที่สุดของวงการเทคโนโลยีในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้

หนึ่งเดือนต่อมา มีการตกลงในการเข้าซื้อกิจการในราคา 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Michael ได้ให้คำมั่นกับคณะกรรมการของ EMC ว่า จะรักษาวัฒนธรรมของ EMC ไว้และไม่คิดทำลายบริษัท

หลังจากได้ EMC มาครอบครองทำให้ Dell ได้เครื่องจักรผลิตเงินสดตัวใหม่ นั่นก็คือ VMWare ในปี 2018 Michael ได้ดึงเงินสด 9 พันล้านดอลลาร์จาก VMWare เพื่อซื้อคืนหุ้นทั้งหมด

มีความพยายามเชิงรุก ในการพยายามซื้อหุ้นคืนจากเหล่านักลงทุนในตลาดหุ้น นั่นทำให้ เกิดเสียงโวยวายจากกลุ่มนักลงทุนที่นำโดย Elliott Management และ Carl Icahn

ซึ่งนั่นทำให้มีการเจรจากันใหม่ โดยตกลงที่มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อหุ้นคืนทั้งหมด นั่นเองทำให้ฝันของ Michael ทำได้สำเร็จ เขาได้นำพา Dell กลับมาสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้งภายใต้ชื่อ Dell Technologies

สุดยอด Deal ประวัติศาสตร์ของธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี เมื่อ Dell เข้าซื้อกิจการ EMC (CR:vox.com)
สุดยอด Deal ประวัติศาสตร์ของธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี เมื่อ Dell เข้าซื้อกิจการ EMC (CR:vox.com)

และทำให้บริษัทของเขากลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี

เครื่องจักรผลิตเงินหลังการควบรวมก็ทำงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขาย 94,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนมกราคมปี 2021

มีการคาดการณ์ว่า Dell จะเติบโตในอัตราสองเท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกในอีกไม่กี่ข้างหน้า และยังมีโอกาสใหญ่อีกมากมาย

เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน การคมนาคมขนส่ง การดูแลสุขภาพ และการสื่อสาร ทุก ๆ อย่างจะกลายเป็น ดิจิทัล และจะกลายเป็นขุมทรัพย์มหาศาลของ Dell ในอนาคต

แล้วแผนการเกษียณของเขาจะเหมือนเพื่อน ๆ ร่วมรุ่นหลาย ๆ คนในยุคเดียวกันหรือไม่?

“ผมคงจะเบื่อและหดหู่ หากต้องเกษียณตอนนี้” Michael กล่าว

เขาไม่เหมือน Bezos หรือ Gates หรือ Ellison หรือเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่มาทำงานด้านการกุศลหรือความคลั่งไคล้ ตื่นเต้น กับการเดินทางในอวกาศ Michael ยังมีไฟที่เต็มเปี่ยม

“ถ้าคุณมีความสุข นั่นอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกคนอาจจะมีความหมายของตัวเองของความสำเร็จ ซึ่งสำหรับผมมันคือความสนุก มันอยู่ทีว่า ผมกำลังสนุกกับสิ่งที่ผมทำหรือไม่? ผมสนุกกับคนที่ร่วมงานด้วยหรือไม่? ผมสนุกกับชีวิตของผมหรือไม่ แน่นอนว่าตอนนี้ ผมยังมีไฟเต็มเปี่ยม และผมยังสนุกที่พร้อมจะลุยกับมัน” Michael Dell

References : https://www.biography.com/business-figure/michael-dell
https://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Dell
https://www.forbes.com/sites/antoinegara/2021/08/03/deal-of-the-century-how-michael-dell-turned-his-declining-pc-business-into-40-billion-windfall
https://www.cnbc.com/2018/02/26/how-michael-dell-turned-1000-into-billions-starting-from-his-dorm.html
https://laughingcolours.com/read-success-story-michael-dellfounder-dell-170103/