Billion Dollar Loser ตอนที่ 8 : The Rising Son

เมื่อเข้าสู่เดือนมกราคมของปี 2016 Adam และผู้บริหารหลายรายของ WeWork ได้บินไปที่ประเทศอินเดีย เพื่อการประชุมทางด้านธุรกิจโดยมีเจ้าภาพคือ นายกรัฐมนตรีอินเดียอย่าง Narendra Modi ซึ่งต้องบอกว่าเศรษฐกิจอินเดียกำลังเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดย GDP เพิ่มขึ้น 7% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่แทบจะสูงที่สุดในโลกในยุคนั้น

Marc Schimmel หนึ่งในนักลงทุนของ WeWork ได้พยายามผลักดันให้ Adam นั้นหันมาโฟกัสที่ตลาดอินเดีย เพราะเป็นอีกหนึ่งตลาดที่กำลังเติบโตอย่างสูงมาก

และ Adam ก็ได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวตระเวนทัวร์อินเดีย โดยเมื่อทีม WeWork ถึงมุมไบ Adam ก็ได้ไปพบปะกับนักธุรกิจท้องถิ่นหลายคนผ่านทาง Connection ของ Schimmel

โดยหนึ่งในนั้นคือ Jitu Virwani ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์และชายที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของอินเดีย ที่สนใจจะร่วมทุนกับ WeWork เพื่อขยายธุรกิจมายังประเทศอินเดีย

โดยในคืนสุดท้ายของเขาที่อินเดียนั้น Adam ได้ไปพบกับหนึ่งในบุคคลสำคัญมาก ๆ นั่นก็คือ Masayoshi Son ที่บาร์ชั้นบนสุดของอาคารแห่งหนึ่งในนิวเดลี

การประชุมดังกล่าว กำหนดขึ้นโดย Nikesh Arora รองประธานของ Softbank ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องบอกว่า Softbank เองแทบจะไม่เคยสนใจในธุรกิจของ WeWork มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ต้องบอกว่าตัว Masayoshi Son เอง ก็เก็บงำความสงสัยในหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับธุรกิจ WeWork ของ Adam ส่วน Adam เอง ก็มีความต้องการเป็นอย่างมากที่จะพบกับ Son เพราะเขามั่นใจว่า เขาสามารถโน้มน้าวให้ Softbank ลงทุนได้

ดูเหมือนการพบกันครั้งนี้ ทำให้ Son เองมองเห็นอะไรบางอย่างในตัว Adam ที่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการได้ เหมือนที่เขาในผู้นำธุรกิจหลาย ๆ ที่เขาเคยประสบพบเจอมา

ต้องบอกว่า การลงทุนของ Son นั้นเป็นสิ่งที่ผสมผสานระหว่างเรื่องของการมองไปที่ตัวบุคคล กับ การมองตัวเลขทางด้านธุรกิจ ซึ่งพบว่าหลาย ๆ ครั้ง Son ตัดสินใจเพียงไม่กี่นาที หากเขารู้สึกเชื่อมั่นในผู้ก่อตั้งที่ มีความเชื่ออย่างแท้จริงในหัวใจของพวกเขาว่าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาก็พร้อมจะอัดเงินให้แบบทันที

ตัวอย่างตอนที่ Son ได้พบกับ Jack Ma มันเป็นจิตวิญญาณผู้ประกอบการตัวจริงที่ Jack Ma แสดงให้ Son เห็น ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องรอง Son ต้องการเข้าถึงจิตใจของคนเหล่านี้มากกว่า ว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงโลกผ่านเงินลงทุนของเขาหรือไม่

Adam และ Son นั่งคุยกันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง บนโซฟาตัวเล็กที่มุมบาร์ Adam บอก Son เกี่ยวกับการเติบโตของ WeWork โดยบริษัทกำลังจะเปิดสาขาที่หนึ่งร้อยในปลายปีนั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ Adam นั้นใฝ่ฝันมานานแล้ว

หลังจากนั้นเมื่อ Adam เดินทางกลับไปที่อเมริกา Son เองก็มีแผนที่จะมาเยือนอเมริกาอยู่แล้ว และได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของ WeWork ด้วยเช่นกันในการเดินทางเยือนอเมริกาของเขา

Son เดินทางมาที่อเมริกาโดยมีจุดประสงค์หลายประการ อย่างแรกคงเป็นการมาเยี่ยมเยียนประธานาธิบดี Donald Trump ที่เพิ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016

Son เองสนใจที่จะรื้อฟื้นการควบรวมกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint ซึ่ง Softbank เป็นเจ้าของ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวถูกเบรค โดยหน่วยงานกำกับดูแลของอดีตประธานาธิบดี Barack Obama ที่กังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือ

และ Son เองก็มีแผนที่จะนำ Softbank เข้ามาลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และสร้างงานใหม่ห้าหมื่นตำแหน่งในช่วงสี่ปี ซึ่งเป็น Timeline ที่เชื่อมโยงกับการครองอำนาจของประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง Donald Trump ในตอนนั้น

Son เข้ามาร่วมลงทุนและสร้างงาน 5 หมื่นตำแหน่งในสมัยของ Trump (CR:jsonline.com)
Son เข้ามาร่วมลงทุนและสร้างงาน 5 หมื่นตำแหน่งในสมัยของ Trump (CR:jsonline.com)

เนื่องจาก Softbank เองได้มีการประกาศโครงการ Vision Fund ซึ่งเป็นกองทุนร่วมทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพันธมิตรจากทั้ง Foxconn รัฐบาลอาบูดาบี และ Apple ซึ่งมีเงินสดอยู่ในมือมากจนไม่รู้จะเอาไปลงทุนที่ไหนต่อ รวมถึงเงินส่วนใหญ่ที่มาจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย

ในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่ Son และ Adam ได้พบกันที่อินเดีย พวกเขาได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการลงทุน และ Vision Fund อาจจะเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปได้ให้กับ WeWork

ซึ่งในวันเดียวกับที่ Son มีกำหนดการไปเยี่ยมประธานาธิบดี Trump เขาก็มีกำหนดการในการทัวร์สำนักงานใหญ่ของ WeWork แต่ Son เองยังสงวนท่าที โดยไม่ได้รับปากว่าจะเข้าร่วมทัวร์บริษัทและร่วมฟังการนำเสนอแบบเต็มรูปแบบจาก WeWork แต่อย่างใด

ในวันนั้น ตัวแทนของ Softbank ได้โทรแจ้ง Adam ให้ทราบว่า Son จะเข้ามาสาย Adam เริ่มกระวนกระวายเดินไปมาในห้องทำงานของเขา ซึ่งหลังจากผ่านช่วงเช้าไป Son ก็ยังไม่มาปรากฏตัวซะที

Adam เตรียมการนำทัวร์ไว้ถึง 2 ชม. แต่ เมื่อ Son มาถึง มันก็เลทไปเยอะมากแล้ว มันเหลือเวลาเพียงแค่ 12 นาที ให้ Adam ทำทุกอย่างเพื่อให้ Son หันมาสนใจลงทุนกับ WeWork

Adam นั้นรู้เป็นอย่างดีว่า Vision Fund มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นหลังจากที่เดินผ่านชั้นที่หนึ่งของอาคารที่เต็มไปด้วยสมาชิกของ WeWork เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันน่าอยู่เพียงใด

Adam ได้พา Son ตรงไปที่ ห้องปฏิบัติการด้าน R&D ของบริษัท บนชั้นสาม ซึ่ง Dave Fano ผู้ร่วมก่อตั้ง Case-Buildings บริษัทด้านข้อมูลที่ Adam ได้ทำการซื้อมา กำลังแสดงให้ Son ได้เห็นถึงเทคโนโลยีเบื้องหลังต่าง ๆ ที่ WeWork กำลังพัฒนา ซึ่งหลังจาก 12 นาทีผ่านไป Son ก็บอกให้ Adam ขึ้นรถไปกับเขา

Adam รีบคว้ากระเป๋า และกระโดดขึ้นรถไปที่เบาะหลังทันที Son ไม่ได้ต้องการให้ Adam นำเสนองานใด ๆ ต่อบนรถ แม้จะมีข้อสังสัย แต่ Son ประทับใจในความเร็วที่ WeWork สามารถขยายตัวโดยใช้แรงงานที่เป็นมนุษย์ได้ดีมาก

ในเดือนนั้น WeWork ได้เปิดสำนักงานใหม่ 13 เมืองใน 7 ประเทศ ซึ่ง Adam ยังได้เตรียมนำข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับกองทุน Vision Fund ให้กับ Son อีกด้วย

ซึ่งในขณะที่ Adam และ Son กำลังนั่งรถเคลื่อนออกจากสำนักงานใหญ่ของ WeWork สิ่งที่เหลือเชื่อคือ Son ได้ดึง iPad ออกมาและเริ่มร่างเงื่อนไขของข้อตกลง : Softbank และ Vision Fund จะลงทุนมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ใน WeWork ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ WeWork เคยระดมทุนมา

Son ได้ทำการเซ็นชื่อและลากเส้นอีกเส้น ถัดจากนั้นก็ส่งสไตลัสให้กับ Adam มันเป็น Deal ที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ สำหรับ Adam หลังจากเขาได้พยายามทำสิ่งนี้มาหลายปี ในที่สุด มันก็ถึงเส้นชัยของ WeWork เสียที

หลังจากที่ Son ขอตัวไปทำธุระต่อ Adam ก็ได้เข้าไปในรถยนต์ Maybach สีขาวของเขา ซึ่งขับตามหลังรถของ Son โดยได้เปิดเพลงแร็พแบบสุด Volume และขับรถกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของ WeWork

ต้องบอกว่าภาพถ่ายลายเซ็นของ Son ที่เป็นสีแดง และ สีฟ้าของ Adam นั้นกำลังถูกเผยแพร่ในหมู่ผู้บริหาร WeWork มันใช้เวลาเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น นับตั้งแต่ Son ย่างเก้าเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ของ WeWork แต่ตอนนี้ Adam กำลังได้รับการลงทุนในการร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์บริษัท WeWork ได้สำเร็จ

การลงทุนของ Softbank ใน WeWork ครั้งนี้ ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคม ปี 2017 มีมูลค่ารวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินบางส่วนจาก Softbank เองและ อีก 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการจัดสรรสำหรับการขยายกิจการไปยังเอเชียของ WeWork

มันได้ทำให้มูลค่าของ WeWork พุ่งสูงขึ้นเป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ และทำให้ WeWork กลายเป็นบริษัท Startup ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสี่ในอเมริการองจาก Uber , Airbnb และ SpaceX เพียงเท่านั้น

นั่นทำให้เหล่านักลงทุนกลุ่มแรก ต่างร่ำรวยกลายเป็นมหาเศรษฐีกันถ้วนหน้า แต่ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมครั้งนี้ คือ Adam โดย We Holdings บริษัทนิติบุคคลส่วนตัวของ Adam ได้ทำการขายหุ้น WeWork มูลค่า 361 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดและมากกว่าพนักงาน WeWork คนอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไปก่อนหน้านี้

ต้องบอกว่าเป็นจำนวนเงินที่น่าตกใจมากที่ Adam ได้ตัดสินใจขายหุ้นไปจำนวนมหาศาลขนาดนี้ เหตุใดเขาจึงไม่รอเงินที่จะได้รับอีกมากมายหลังจากนี้ เพราะ WeWork กำลังจะกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และทำเงินได้อีกมากมายมหาศาลในอนาคต

ซึ่งคำตอบก็คือ Adam จำเป็นต้องใช้เงิน เพื่อตอบสนองชีวิตที่ฟุ่มเฟือยมากขึ้นเรื่อย ๆ ของเขา ช่วงสิ้นปี 2017 Adam และ Rebekah ใช้เงิน 35 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้ออพาร์ทเมนต์สี่ห้องในอาคาร Gramercy โดยรวมสามยูนิตเข้าด้วยกันให้กลายเป็นเพนต์เฮาส์ขนาดใหญ่

เพนต์เฮาส์สุดหรูใจกลางนิวยอร์กที่ Adam ได้ซื้อทันทีหลังจากขายหุ้นล็อตใหญ่ (CR:BusinessInsider.com)
เพนต์เฮาส์สุดหรูใจกลางนิวยอร์กที่ Adam ได้ซื้อทันทีหลังจากขายหุ้นล็อตใหญ่ (CR:BusinessInsider.com)

Adam ได้ซื้อบ้านให้พี่สาวและยายของเขา โดยจ่ายค่าเช่า และค่าเล่าเรียนทั้งหมดคืนให้กับพวกเขาที่ได้ยืมมาก่อนหน้านี้ ตอนเริ่มต้นใช้ชีวิตในนิวยอร์กใหม่ ๆ

พนักงานของ WeWork ทำได้เพียงแค่กลอกตา เมื่อนึกถึงคำพูดของ Adam และ Rebekah ที่ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ เรื่องที่พวกเขาไม่ได้เป็นพวกวัตถุนิยม แต่ตอนนี้ ทั้งคู่กำลังเปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้ว

“เราเชื่อใน รูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่นี้” Rebekah ให้สัมภาษณ์ หลังจาก Deal ใหญ่ของ WeWork และ Softbank ดำเนินการเสร็จโดยสมบูรณ์ และ Adam กำลังเป็นเจ้าของบ้านสุดหรูจำนวน 5 หลัง ใจกลางมหานครนิวยอร์ก

ต้องบอกว่า ถึงตอนนี้ มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้ง Adam และ WeWork ที่เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ สถานการณ์ ที่ดูเหมือนจะหมดหวังก่อนหน้านี้ ได้ชายที่ชื่อ Masayoshi Son ที่ได้กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาว มาช่วยกอบกู้วิกฤติได้ทัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเรื่องราวของ Adam และ WeWork โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Winnter Loses All

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ