Geek Daily EP55 : 0 หรือ 220 ล้านกับสองโอกาสสุดท้ายในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน bitcoin ของ Stefan Thomas

Stefan Thomas ใช้ความพยายาม 8 จาก 10 ครั้งที่อนุญาตโดย Thumb Drive ของ IronKeys เพื่อเข้าถึงโทเค็นดิจิทัล Bitcoins 7,002 เหรียญของเขา ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าเกือบ 40,000 เหรียญต่อ 1 bicoin และจะทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีที่มีเงินกว่า 220 ล้านเหรียญสหรัฐ

Thomas กล่าวว่าเขาได้ลองใช้รหัสผ่านที่ใช้บ่อยที่สุดแปดรหัสเพื่อเข้าถึงฮาร์ดไดรฟ์ IronKey ของเขา แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นว่าผิด อุปกรณ์จะเข้ารหัสเนื้อหาทั้งหมดโดยอัตโนมัติหลังจากการเดาครั้งที่ 10 ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เขามีโอกาสเพียงแค่ 2 ครั้งสุดท้ายเท่านั้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3sGOyfs

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/VN6kCb6fyNg

References : https://nypost.com/2021/01/15/man-who-lost-password-to-220m-worth-of-bitcoin-says-hes-made-peace/
https://www.theguardian.com/technology/2021/jan/12/in-bits-the-programmer-locked-out-of-his-130m-bitcoin-account
https://www.theguardian.com/technology/2013/nov/27/hard-drive-bitcoin-landfill-site

John Paul DeJoria จากยาจกคนไร้บ้าน สู่เส้นทางมหาเศรษฐีหมื่นล้าน

John Paul DeJoria จากคนไร้บ้านแสนอาภัพ ได้เปลี่ยนเงินทุนเพียง 700 เหรียญ ให้กลายเป็นบริษัท John Mitchell Systems ซึ่งเป็นบริษัทดูแลเส้นผมที่สามารถทำกำไรมากที่สุดในโลก สร้างความมั่งคั่งให้เขากลายเป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า สามหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว DeJoria เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่แทบจะไม่มีบ้านสำหรับไว้ซุกหัวนอนเลยด้วยซ้ำ หลังจากใช้เวลาสองปีกับกองทัพเรือสหรัฐ เขาก็ได้ออกมาเป็นพนักงานขาย สารานุกรมและประกันภัย โดยใช้วิธีการเคาะประตูไปตามบ้าน

DeJoria เข้าสู่โลกของการดูแลเส้นผม โดยได้เข้ามาเป็นพนักงานของ Redken แต่เขาก็ได้ถูกไล่ออกไปในปี 1980 จนเขาต้องเลือกทางเดินสุดท้ายของชีวิต ด้วยการชวน Paul Mitchell ช่างทำผมที่เขารู้จัก และกู้เงิน 700 เหรียญ มาเพื่อสร้างธุรกิจที่เป็นหนทางรอดสุดท้ายของชีวิตเขา

ช่วงแรกของการทำธุรกิจ เขาแทบจะไม่มีที่นอน ต้องนอนในรถ Rolls Royce คันเก่าอายุ 20 ปี แต่ต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะยอดขายของธุรกิจเขาได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว

จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ ในปี 1989 เขาก็ได้ร่วมก่อตั้ง Patron ซึ่งเป็นเตกีล่าระดับพรีเมี่ยม โดยใช้พนักงานชาวบ้านมากกว่า 1,000 คนในประเทศเม็กซิโก โดยได้เข้าไปสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษา และ ที่อยู่อาศัยสำหรับเด็กกำพร้า

ในช่วงต้นการเติบโตของ Patron นั้น มีรายได้เพียงแค่ 1 ล้านเหรียญต่อเดือน แต่ต้องบอกว่าด้วยการบริหารงานของ DeJoria ทำให้กิจการเตกีล่าของเขานั้นเติบโตขึ้นสองเท่าในทุก ๆ ปี

ซึ่งหลังจากได้เงินลงทุนหลายล้านดอลลาร์ ในการเพิ่มกำลังการผลิต เขาก็ไม่เคยทำให้พื้นที่โรงงานของเขาเกิดมลพิษ เพราะกระบวนการกลั่นของเขา นำน้ำกลั่นที่เหลือ กลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำปุ๋ยให้กับผืนดิน

สุดท้ายเขาก็สามารถทำให้ Petron กลายมาเป็นเตกีล่าอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเขาก็ได้ทำการขายกิจการให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บาคาร์ดี ในปี 2018

Patron ที่สุดท้ายขายให้ยักษ์ใหญ่อย่างบาคาร์ดี
Patron ที่สุดท้ายขายให้ยักษ์ใหญ่อย่างบาคาร์ดี

ชีวิตของ DeJoria เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วผ่านธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับเขาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ได้พยายามขยายธุรกิจออกไปในแขนงต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครือไนต์คลับ House of Blues , John Paul Pet ที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก และได้ตั้งปณิธานว่าจะเลือกทดสอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของเขาด้วยตัวเอง

เมื่อเขาได้มีโอกาสผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาก่อน ในตอนนี้เขาจึงร่วมกับมหาเศรษฐีกว่า 150 คน เพื่อมอบรายได้ 50% เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโลกให้ดีขึ้น เขายังมีส่วนช่วยในองค์กรการกุศลกว่า 160 องค์กรทั่วโลก

ความหลงใหลในการให้ของ DeJoria นั้น ทำให้ DeJoria เซ็นสัญญากับ Bill Gates และ Warren Buffet ใน “The Giving Pledge” ในปี 2011 เพื่อนำรายได้ของเขากว่าครึ่งไปช่วยเหลือองค์กรการกุศลนี้

บริจาครายได้ครึ่งนึงให้ มูลนิธิ The Giving Pledge ของ bill Gates และ Warren Buffet
บริจาครายได้ครึ่งนึงให้ มูลนิธิ The Giving Pledge ของ bill Gates และ Warren Buffet (CR:vox.com)

นอกจากนี้เขายังได้ก่อตั้ง มูลนิธิ Peace Love & Happiness Foundation เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริจาคเพื่อการกุศลของเขา ที่สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมหลักของบริษัทของเขา นั่นก็คือ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การช่วยเหลือผู้ยากไร้ และ การปกป้องชีวิตของสัตว์

และตอนนี้จากชายไร้บ้าน ที่แทบไร้ที่ซุกหัวนอน เขาได้มาอาศัยอยู่ในที่ดินมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ ในมาลิบู พร้อมของเล่นทั้งหมดที่ผู้ชายต้องการ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซต์ รถยนต์ เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว

เขาได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจมาก ๆ ในภาพยนต์สารคดีที่เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของเขาที่มีชื่อว่า “Good Fortune”

“ทุกคนมีนิยามของความสำเร็จ” “ทุกวันนี้มันไม่ได้วัดกันแค่ที่ว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ หรือ มีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่ความสำเร็จคือ คุณเก่งที่สุดในสิ่งที่คุณทำแล้วหรือไม่? และหากคุณพบเจอกับความสำเร็จ และคุณไม่ได้แบ่งปันมันให้กับใคร สิ่งนั้นคือความล้มเหลวในชีวิตของคุณ”

References : https://www.cnbc.com/2017/12/15/john-paul-dejoria-went-from-homeless-to-billionaire-following-3-rules.html
https://www.forbes.com/sites/danafeldman/2017/06/21/find-out-how-john-paul-dejoria-went-from-homeless-to-a-billionaire-in-new-doc-good-fortune/?sh=5375c6433794
https://tim.blog/2020/06/20/john-paul-dejoria-transcript/
https://en.wikipedia.org/wiki/John_Paul_DeJoria

https://variety.com/2017/biz/news/2017-philanthropist-of-the-year-john-paul-dejoria-1202510580/