David Daneshgar กับการเริ่มธุรกิจ Startup ด้วยทุนจากเกมไพ่ Poker

หลากหลาย Startup ต่างเริ่มต้นด้วยเงินทุนในรูปแบบที่แตกต่างกัน บางรายใช้เงินจากครอบครัว หรือ หลาย ๆ ราย ก็ได้นักลงทุนใจดีอย่าง Angel Investor มาช่วยเหลือด้านเงินทุนในช่วงเริ่มต้นของการก่อร่างสร้างบริษัท

แต่ใครจะไปคิดว่ามีชายคนหนึ่งที่ชื่อ David Daneshgar เขาได้เริ่มธุรกิจ Startup ตลาดกลางสำหรับนักจัดดอกไม้ด้วยเงินทุนที่เขาได้จากการเล่นไพ่ Poker

ต้องบอกว่า Daneshgar นั้นเป็นผู้เล่น Poker ระดับมืออาชีพ เขาได้รับรางวัลระดับท็อปกับรางวัล Work Series of Poker ในปี 2008 และได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในผู้เล่น Poker ที่ดีที่สุดในโลก

ตอนอายุ 26 ปี เขาสามารถทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์จาก Poker เกมที่มีการเดิมพันสูง ที่จะเป็นทุนสำคัญที่ใช้ในการพลิกชีวิตเขาภายในอีกไม่กี่ปีถัดมา

ในปี 2011 Gregg Weisstein และ Farbod Shoraka นั้นกำลังมองหานักลงทุนในช่วงเริ่มต้นกับธุรกิจใหม่ของเขาอย่าง BloomNation ซึ่งเขามองเห็นตลาดขนาดใหญ่ที่เป็น ตลาดกลางสำหรับนักจัดดอกไม้ที่ขายดอกไม้ให้กับผู้บริโภคโดยตรง

นั่นเองที่ทำให้ทั้งสองไปพบกับ Daneshgar ซึ่งได้ถามทั้งสองว่าต้องการเงินเท่าไหร่สำหรับการเริ่มต้นแพล็ตฟอร์มของ BloomNation

BloomNation ต้องการเงิน 30,000 เหรียญ เพื่อทำการเริ่มต้นในการจ้างพนักงานและเช่า server เพื่อพัฒนาตัวเว๊บไซต์เวอร์ชั่นแรกให้สำเร็จ

Daneshgar จึงได้เดินทางไปยังลอสแองเจลิสเพื่อแข่งขัน Poker เป็นเวลาสองวัน เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่า 30,000 เหรียญ โดยมี ทั้งสองคู่หู Weisstein และ Shoraka นั่งอยู่ที่โต๊ะ Poker ข้าง ๆ เขา ซึ่งบนแล็ปท็อปของพวกเขาทั้งสองกำลังออกแบบเว๊บไซต์ของ BloomNation อยู่ด้วย

การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น เมื่อถึงเกมตัดสินรอบชิงชนะเลิศ ที่มีเงินเดิมพัน 30,000 เหรียญ ทั้ง Weisstein และ Shoraka ก็ต้องหยุดทำงาน และหันมามองเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่โครตตึงเครียด และเต็มไปด้วยความกดดัน

Daneshgar เดิมพันเงินตั้งต้นธุรกิจด้วยเกมไพ่ Poker
Daneshgar เดิมพันเงินตั้งต้นธุรกิจด้วยเกมไพ่ Poker

เพราะ BloomNation ต้องการเงิน 30,000 เหรียญ ซึ่งถ้าหาก Daneshgar เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าวจะได้รับเงินรางวัลเพียงแค่ 15,000 เหรียญเท่านั้น ซึ่งมันไม่พอสำหรับในการเป็นทุนเริ่มต้นธุรกิจของพวกเขา

สุดท้ายด้วยความเทพของ Daneshgar เขาก็ชนะในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จและคว้าเงินรางวัล 30,000 เหรียญ ซึ่งเป็นเงินก้อนแรกของผู้ร่วมก่อตั้งของ BloomNation ที่จะระดมทุนให้กับเว๊บไซต์ของพวกเขา

หลังจบทัวร์นาเม้นท์ ทีมก็ออกไปเลี้ยงฉลองกันทันที ต้องบอกว่าเกม Poker ได้ทำสิ่งยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครนึกถึง ซึ่งนอกจากให้เงินกับทีมผู้ก่อตั้งแล้วนั้น มันได้เปลี่ยนกระบวนการคิดทั้งหมดในการทำธุรกิจเพื่อรับความเสี่ยงที่ Daneshgar ได้ฝึกวิชามาจากเกมไพ่ Poker นั่นเอง

สุดท้าย BloomNation ก็ไม่ได้อาศัย Poker เพื่อระดมทุนอีกต่อไป เพราะเมื่อธุรกิจของพวกเขาเริ่มเข้าไปเตะตานักลงทุนรายใหญ่ ๆ หลังจากผลิตภัณฑ์ใน Version แรก นั้นทำออกมาได้ดี

พวกเขาก็ได้รับเงินทุนในรอบถัดไปจากบริษัทการลงทุนยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Spark Capital , Andreessen Horowitz , Chicago Ventures , Mucker Capital และ CrunchFund กว่า 1.65 ล้านเหรียญ และทีมก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากพนักงานเพียงแค่ 14 คน เป็น 40 คนภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงปี

ในเดือนตุลาคม 2014 BloomNation ได้ระดมทุนซีรีส์ A เพิ่มอีก 5.55 ล้านเหรียญจาก Ronny Conway, Andreessen Horowitz, Spark Capital, Chicago Ventures และ Crunchfund ซึ่งช่วยให้บริษัทขยายเครือข่ายร้านดอกไม้ และได้เพิ่มบริการจัดงานแต่งงาน / งานอีเวนต์ และเปิดตัวแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จนกลายเป็นบริการที่ได้รับการยอมรับ และประสบความสำเร็จ ด้วยเงินทุนตั้งต้นจากเกม Poker ของ Daneshgar นั่นเองครับผม

References : https://www.bloomnation.com/
https://www.businessinsider.com/bloomnation-founders-story-2014-8
https://en.wikipedia.org/wiki/BloomNation
https://alchetron.com/David-Daneshgar

Geek Monday EP75 : Social Media กับการบิดเบือนข้อมูลขนาดใหญ่สู่แนวคิดการล้มล้างประชาธิปไตยในอเมริกา

ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาการบิดเบือนข้อมูลกลายเป็นที่จับตามองทั่วโลก หลังจากรัสเซียเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลว่าโซเชียลมีเดียจะยังคงเป็นอาวุธต่อไป

แต่การปิดล้อมอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯในวันที่ 6 มกราคมแสดงให้เห็นว่าการสมรู้ร่วมคิดในเครือข่าย Social Network มีประสิทธิภาพเพียงใดเมื่อขยายผ่านโซเชียลมีเดีย การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นจุดสุดยอดของการบิดเบือนข้อมูลจากประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเวลาหลายปีซึ่งเพิ่มขึ้นหลังจากที่ Biden ได้รับการประกาศให้เป็นประธานาธิบดี

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ 

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3oRcASo

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/w9jGEnmTgxo

Credit Image : https://www.abc27.com/

เหตุผลใดที่ Elon Musk สามารถกลายเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลกได้

ราคาหุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 880 ดอลลาร์ในเดือนมกราคมทำให้ Elon Musk เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าสุทธิ 195 พันล้านดอลลาร์โดยเอาชนะ Jeff Bezos ได้ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์

แต่จากคำกล่าวของมหาเศรษฐี VC Chamath Palihapitiya Musk กำลังจะร่ำรวยขึ้นมาก ในความเป็นจริงเขาจะเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลกได้หากหุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของราคาปัจจุบัน Palihapitiya เชื่อว่าอาจเกิดขึ้นได้ เหตุผลที่เขาคิดว่านี่อาจเป็นบทเรียนสำหรับผู้ประกอบการทุกคน

Palihapitiya มีประวัติอันน่าประทับใจ ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้บริหาร Facebook เขาออกไปพบกับ บริษัท ร่วมทุน Social Capital เขาเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ใน Slack and Box และช่วยทำให้ Virgin Galactic เป็น บริษัท มหาชน

แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงคิดว่า Musk จะยิ่งร่ำรวยมากขึ้นในอนาคต?  ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่คุณคาดหวัง ไม่ใช่เพราะ Musk เป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามบน Twitter มากกว่า 42 ล้านคนหรือเพราะเขาเป็นอัจฉริยะที่สามารถสอนตัวเองได้เกือบทุกอย่าง

ไม่ใช่ว่าเขาทำงานหนักหรือเพราะเขามีแรงผลักดันอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคุณสมบัติที่ VC ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผู้ก่อตั้งก็ตาม

มันง่ายกว่านั้นมาก เป็นเพราะ Tesla กำลังต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Palihapitiya อธิบายในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC “บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกควรเป็นคนที่แก้ไขหรือต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เขากล่าว เขาคิดว่า Tesla เป็นทางออกที่ดีมาหลายปีแล้วเขากล่าว “ต้องใช้เวลาห้าหรือหกปีกว่าที่ทุกคนจะตระหนักถึงสิ่งเดียวกัน”

เขากล่าวว่า Tesla เป็น บริษัท พลังงานแบบกระจายซึ่งนอกจากรถยนต์แล้วยังผลิตแบตเตอรี่ แผงโซลาร์เซลล์ และ Powerwall ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้ในภายหลัง “พวกเขากำลังคิดหาวิธีเก็บเกี่ยวพลังงาน วิธีการจัดเก็บและวิธีการใช้เพื่อให้มนุษย์มีประสิทธิภาพสูงสุด” เขากล่าว

อัตราส่วน P / E ของ Tesla สูงกว่า 1,600

อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P / E Ratio) ของ Tesla ที่มีมากกว่า 1,600 แม้ว่าราคาหุ้นของ บริษัท จะลดลงเล็กน้อยเมื่อหน่วยงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติขอให้ บริษัทเรียกคืนรถยนต์รุ่นเก่า 158,000 คันเนื่องจากปัญหาหน้าจอสัมผัสที่ อาจส่งผลต่อความปลอดภัย  

สำหรับนักลงทุนจำนวนมากนั่นจะเป็นการชี้ให้เห็นว่าหุ้นของ Tesla มีมูลค่าสูงเกินไปแล้ว แต่ Palihapitiya ยังคงเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีกมากและเรื่องของพลังงานคือเหตุผลว่าทำไม

“การหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือระบบไฟฟ้า” เขาอธิบาย “มีพันธบัตรมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นเงินทุน [ค่าใช้จ่ายในการลงทุน] ซึ่งมีมูลค่าอยู่ภายในโครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป” เมื่อเป็นเช่นนั้นเขากล่าวว่า “Tesla จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 2-3 เท่าอีกครั้ง” 

Palihapitiya ได้ทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่ามหาเศรษฐีคนแรกของโลกจะเป็นคนที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ” แต่ถ้าไม่ใช่เขา ก็จะเป็นใครคนนึงที่มีความคิดเหมือน Elon Musk เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดทำให้โลกมีความยั่งยืน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่บุคคลเหล่านี้จะได้รับรางวัลเป็นผลตอบแทน”

การช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติต้องเผชิญ

และ Palihapitiya มองว่ามีแนวโน้มที่ถูกต้องที่ธุรกิจที่ตอบสนองความท้าทายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นคุณค่าของพวกเขาในการเติบโตได้ในระยะยาว

สำหรับส่วนตัวเองมองว่าว่า Musk มองปัญหาใหญ่ ๆ ของโลกเราเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานทดแทน หรือ การเดินทางในอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างฝันของเขาให้สำเร็จขึ้นมาได้

ทั้ง SpaceX , Tesla หรือ SolarCity นั้น เป็นบริษัทที่ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล และแน่นอนว่าเมื่อเขามองถึงอนาคต ที่ยังไม่มีใครมองเห็น มันก็จะกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มหาศาลที่ไม่เคยมีใครมองมันมาก่อนด้วยนั่นเอง

ซึ่งทุกสิ่งที่เขาทำนั้นมีหลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ Musk ก็ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือ ยากเย็นเพียงใด เขาก็สามารถทำมันให้เห็นผลเป็นประจักษ์ได้สำเร็จ

ผมก็มั่นใจว่า เขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุด ที่โลกของเราต้องจารึกไว้ ในฐานะนักนวัตกรรม ไม่ต่างจากที่เราเคยเทิดทูน โทมัส เอดิสัน , นิโคลา เทสลา หรือ เฮนรี่ ฟอร์ด และที่สำคัญ Musk ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้คน หันมาสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ และช่วยกันแก้ปัญหาของโลกเราใน Scale ที่ใหญ่ขึ้นเหมือนสิ่งที่ Musk กำลังทำอยู่นั่นเองครับ

แล้วคุณล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? อย่าลืมคอมเม้นต์กันเข้ามาได้เลยนะครับผม

References : https://www.inc.com/minda-zetlin/elon-musk-trillionaire-tesla-shares-chamath-palihapitiya.html
https://www.youtube.com/watch?v=CyNtwHoXC9w
https://www.cnbc.com/2021/01/13/nhtsa-asks-tesla-to-recall-158716-model-x-s-over-touchscreen-glitch.html