Geek Monday EP47 : Kroger ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกกับการใช้ AI ,Robot Transform บริษัท

Kroger แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุด ได้ตัดสินใจที่จะยอมรับเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้บริษัทของพวกเขาอยู่รอดและเจริญเติบโตในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 

ด้วยร้านค้าของชำ 2,782 ร้าน ภายใต้ชื่อเกือบสองโหลใน 35 รัฐ Kroger วางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของนักช้อปเพื่อช่วยให้ยังคงเป็นผู้นำในตลาดแห่งอนาคต 

ซึ่งจากการศึกษาของFood Marketing Institute พบว่าร้านขายของชำออนไลน์ คาดว่าจะมีสัดส่วน 20% ของการค้าปลีกร้านขายของชำทั้งหมดภายในปี 2565 และมียอดขายสูงถึง 100 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น Kroger และคู่แข่งจึงคิดวิธีการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับพวกเขา

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/2AwEH4Z

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast : https://bit.ly/2ZeDIAO 

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2zHubrt

ฟังผ่าน Youtube https://youtu.be/M4sStFg1NHY

References : https://finance.yahoo.com/news/krogers-restock-strategy-product-lines-135901689.html https://www.producebluebook.com/2020/03/20/restock-kroger-a-look-inside/ https://www.britannica.com/topic/Kroger-Co https://en.wikipedia.org/wiki/Kroger

ปัญหา Double-Spending กับการก่อกำเนิดขึ้นของ Blockchain

จากการที่เคยพุ่งทะยานไปจนถึงจุดสูงสุดของมูลค่า Bitcoin ที่เป็น Crypto Currency ที่มีมูลค่าสูงสุด ซึ่งทำให้มีผู้คนร่ำรวยไปเป็นจำนวนมาก และในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ขาดทุน จนหมดตัว กับการซื้อขายสกุลเงิน ดิจิตอลอย่าง Bitcoin

Satoshi Nakamoto นั้น ได้ทำการสร้าง Bitcoin และทำการ design ส่วนของ reference สำหรับการให้คนอื่นมา implement ต่อ  ซึ่งเค้าได้ทำการสร้าง database ตัวแรกของ blockchain รวมถึงได้ทำการแก้ปัญหาสำคัญของ digital currency คือ การแก้ปัญหาในเรื่อง double-spending 

ปัญหา Double-Spending คืออะไร?

ปัญหา double spending นั้นเป็นปัญหาที่สำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี blockchain ซึ่งเงินในรูปแบบ digital นั้น เราสามารถที่จะใช้ token เดียวกันในการจ่ายเงินได้มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งเนื่องจาก digital token นั้นอยู่ในรูปแบบของ file digital ซึ่งสามารถที่จะทำซ้ำหรือปลอมแปลงขึ้นมาได้ง่าย เช่นเดียวกับรูปแบบของเงินปลอม ซึ่งปัญหาของ Double-Spending นั้นหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจนำมาซึ่งอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาว และอาจจะทำให้ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานในที่สุด

ตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพของปัญหา Double-Spending

สมมติว่าเรามีนาฬิกา 1 เรือน หากเราอยากจะมอบให้ใคร เราก็จะมอบนาฬิกาเรือนนั้น ให้คนๆนั้นได้คนเดียว แต่เมื่อการส่งนาฬิกาให้กันอยู่ในรูปแบบดิจิตอล เช่น ไฟล์ภาพนาฬิกา เราก็สามารถส่งภาพนาฬิกาได้ ทาง facebook , Line หรือ email ให้มีหลายคนได้ในเวลาพร้อมกัน  ด้วยเหตุนี้ Blockchain จึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “ผู้ตรวจสอบการทำธุรกรรมซ้อน” หรือ Miner ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกเลือกขึ้นมาในเครือข่ายของ Blockchain นั้นๆ นั่นเอง

การพัฒนา Bitcoin

เริ่มต้นจากในเดือนตุลาคมปี 2008 Nakamoto ได้ทำการส่ง paper ไปยัง metzdowd.com โดยเขาได้อธิบายเกี่ยวกับ bitcoin digital currency โดยมีหัวข้อของ paper คือ “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” ซึ่งหลังจากนั้นในเดือนมกราคม ปี 2009 ทาง Nakamoto ได้ทำการปล่อยตัว software version แรก โดยได้เริ่มสร้าง units แรกของ bitcoin ในรูปแบบของ bitcoin cryptocurrency และได้ปล่อยไปยัง website opensource ชื่อดังอย่าง sourceforge.net ในวันที่ 9 มกราคมปี 2009

ซึ่ง Nakamoto ได้อ้างว่าเขาได้เริ่มพัฒนา code ของ bitcoin ในปี 2007  ซึ่งการออกแบบตั้งแต่ตอนแรกนั้นเขาได้ออกแบบให้มีการรองรับประเภทของธุรกรรมได้หลากหลายรูปแบบ เขาจึงใช้ solution ที่เป็นรหัสเฉพาะตั้งแต่เริ่มต้น โดยผ่านการใช้ predicative script

หลังจากนั้น Nakamoto ได้ทำการสร้าง website bitcoin.org  และได้เริ่มหาความร่วมมือจากนักพัฒนาคนอื่น ๆ จนกระทั่งกลางปี 2010 เขาได้เริ่มส่งมอบตัว sourcecode ให้กับ Gavin Andresen และได้ทำการโอน อีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับ bitcoin ไปยังสมาชิกที่มีความสามารถโดดเด่นใน community ของ bitcoin  และเริ่มที่จะหยุดการมีส่วนร่วมกับโครงการดังกล่าว

โดย Nakamoto นั้นได้ทิ้งข้อความที่สำคัญไว้ใน block แรกของ bitcoin คือ “The Times 3 January 2009 Chancellor on binkout for bailout for the bank” จึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่า block แรกของ bitcoin นั้นมีการถือกำเนิดขึ้นใน วันที่ 3 มกรามคม ปี 2009 เวลา 18:15:05 GMT  ซึ่ง block แรกนี้ถือเป็น block ประวัติศาสตร์ของ bitcoin เพราะจะไม่เหมือนกับ block อื่น ๆ ที่ create ตามมาภายหลังจนถึงปัจจุบัน เพราะ เป็น block เดียวที่ไม่มี References อ้างไปถึง block ก่อนหน้า ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้เริ่มมีการทดสอบ transaction ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนมกราคม ปี 2009 และก็เริ่มมีคนมาสร้างเหมืองทำ bitcoin ต่อมาจวบจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งจากข้อมูลที่เปิดเผยของ transaction log ที่เป็น address ของ Nakamoto นั้นประเมินว่าเขามีปริมาณ bitcoins อยู่ที่ 1 ล้าน bitcoins ซึ่ง ณ วันที่ 17 ธันวาคม ปี 2017 ที่ราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของ bitcoin นั้นทำให้เขามีทรัพย์สินเป็นมูลค่ากว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับที่ 44 ของโลกโดยทันที

References : https://en.wikipedia.org/wiki/Double-spending https://en.wikipedia.org/wiki/Blockchain https://en.wikipedia.org/wiki/Bitcoin