ประวัติ Jho Low ตอนที่ 15 : Out Of Control

ในเดือนมิถุนายนปี 2014 ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพ Rewcastle-Brown พยายามมองหาชายชาวสวิสในวัย 40 ปี ซึ่งมันแทบไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับชายลึกลับที่ต้องการติดต่อเธอ เพราะเธอรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น

Xavier Justo ได้แนะนำตัวเองในฐานะ Justo ทำให้ Rewcastle-Brown นั้นตกใจ เนื่องจากการพบกันครั้งนี้เป็นการนัดผ่านคนกลาง ซึ่งเธอคิดว่า Justo นั้นดูน่าจะอันตรายกว่านี้ ซึ่งเธอมองไม่เห็นทีท่าว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่จะทำอันตรายจาก Justo

“ผู้คนที่เราติดต่อด้วยนั้นโหดเหี้ยมและมีอิทธิพลสูงอย่างมาก” Justo กล่าวกับ Rewcastle-Brown 

Justo กำลังหาทางเลือกอื่นเพื่อรับเงินที่เขาเชื่อว่าสมควรได้รับ เขามองหาคนที่ยินดีที่จะจ่ายค่าเอกสารของ PetroSaudi ที่เขาได้ Copy ออกมาจาก Server เมื่อ 2 ปีก่อนหน้า

ต้องบอกว่าการได้มาเจอกับ Rewcastle-Brown นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากที่ Justo ออกจาก PetroSaudi ในปี 2011 เขาก็ได้เดินทางไปยังสิงค์โปร์ เพื่อชมการแข่งขัน F1 Night Race ซึ่งที่นั่นเขาควรจะได้พบกับ Tarek Obaid หัวหน้าผู้บริหารของ PetroSaudi เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องไฟล์ต่าง ๆ ที่เขามี

แต่เพื่อนเก่าของเขาดันไม่มาปรากฏตัว อย่างไรก็ตามในช่วงการเดินทางกลับนั้น เขาได้บังเอิญไปพบกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับมหาธีร์ โมฮัมเหม็ด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย และได้ทำการแลกนามบัตรกันไว้

และแทบจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นกว่า 2 ปี แต่ในช่วงฤดูร้อนปี 2014 บุคคลปริศนาที่เขาได้พบเจอก่อนกลับที่มีความใกล้ชิดกับ มหาธีร์ นั้น ได้ส่ง Connection ให้เขาไปเจอกับ Rewcastle-Brown ซึ่งในตอนนั้นกำลังขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1MDB

ข้อมูลจาก Server ที่ถูกดูดลงไปในฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ซึ่งบรรจุไปด้วยข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB และ PetroSaudi แต่ Justo มีเงื่อนไขสำคัญก็คือ Rewcastle-Brown ต้องจ่าย 2 ล้านเหรียญ ถ้าเธอต้องการข้อมูลดังกล่าว

แม้ Rewcastle-Brown นั้นจะมีน้องเขยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ชีวิตที่เธออยู่ที่มาเลเซีย ด้วยการประกอบอาชีพนักข่าวและบล็อกเกอร์นั้น เธอไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

Justo ยืนกราน “ไม่มีเงินสด ไม่ตกลง”

แน่นอนว่ามันเป็นข้อมูลที่สุด Exclusive ตัว Rewcastle-Brown เองก็อยากได้มันมาก ๆ หลังจากได้พบกันในครั้งนี้ เธอต้องกลับไปหาคนที่สามารถจ่ายมันได้ ซึ่งต้องใช้เวลาจริง ๆ กว่า 7 เดือนในการหาผู้มีอุปการคุณมาช่วยจ่ายเพื่อแลกกับข้อมูลดังกล่าว

ส่วนตัว Low นั้นดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินจากผู้บริหาร PetroSaudi เกี่ยวกับความต้องการเงินของ Justo แต่อย่างใด ตัว Low เองนั้นก็ยังแทบจะไม่ระแคะระคาย ที่จะมีการพบกันระหว่าง Rewcastle-Brown และ Justo ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสั่นคลอนสถานะของเขาครั้งสำคัญ ซึ่งถ้าเขารู้ แน่นอนว่าเงินเพียงแค่ 2 ล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายปิดปาก Justo นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของ Low อย่างแน่นอน

ต้องบอกว่าในขณะนั้น Low กำลังอยู่ในช่วง in love เพราะไปตกหลุมรักนางแบบสาวชื่อดังอย่าง Miranda Kerr เรียกได้ว่ากับ Kerr นั้น Low โชว์ป๋าอย่างเต็มที่ มีการทุ่มเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินส่วนตัว รวมถึงได้สั่งซื้อเรือยอชท์ใหม่ Equanimity เพื่อพา Kerr ออกทริปไปยังน่านน้ำรอบ ๆ ประเทศอิตาลี รวมถึงไม่พลาดที่จะซื้อชุดเครื่องประดับของ Lorraine Schwartz ไม่ว่าจะเป็น ต่างหูเพชร , สร้อยคอ ,สร้อยข้อมือ หรือ แหวน ซึ่ง Low ได้สั่งมาเพื่อมอบให้กับ Kerr บนเรือยอชท์สุดหรูของเขาขณะออกทริปนั่นเอง

Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก
Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก

แต่ความมั่งคั่งทั้งหมดที่ตัว Low แสดงออกมานั้น มันก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล แม้จะเพิ่งได้รับเงิน 5 พันล้านดอลลาร์จาก 1MDB แต่การที่จะต้องจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นจำนวนมากให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและสมรู้ร่วมคิด และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรักษาวิถีชีวิตแบบเศรษฐีเงินล้านของเขา

ในใบแจ้งหนี้ 2 ล้านดอลลาร์ สำหรับเครื่องประดับล่าสุดของ Kerr นั้น Low ต้องบุกเข้ากองทุนอีกครั้ง ในขณะที่ Low เป็นลูกค้าคนสำคัญของ Schwartz ทำให้เขาสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินของเขาที่ได้รับจาก 1MDB ล่าสุด ดูเหมือนว่า Low จะเริ่มสะดุดกับการจ่ายเงินเสียแล้ว

เขาต้องการเงินเพิ่ม คราวนี้เป็นรายของ Deutsche Bank ที่เริ่มสนใจ จะเข้ามาร่วมทำธุรกรรมกับ 1MDB หลังจากพิจารณาจากผลกำไรของ Goldman ที่ทำได้จากกองทุน 1MDB ซึ่ง Low นั้นต้องการที่กู้ยืมเงินเพิ่มเติมจาก Deutsche Bank อีก 725 ล้านดอลลาร์

ซึ่งแม้จะมีคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกองทุนที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากล แต่ Mohammed Al Housseiny ผู้บริหารสูงสุดของ Aabar ก็ได้มาช่วยให้กระบวนการดังกล่าวของธนาคาร Deutsche Bank ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเมื่อ Deutsche Bank ได้ส่งเงินกู้งวดแรกจำนวน 725 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ Aabar แม้มันจะผิดแปลกอยู่บ้างที่ปรกตินั้น ธนาคารจะส่งเงินสดจำนวนมากเหล่านี้ไปยังผู้กู้โดยตรงซึ่งก็คือ กองทุน 1MDB แต่ Deutsche เห็นการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนจากกองทุนอาบูดาบี ทำให้วพกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คิดถึงแต่เพียงผลประโยชน์ที่จะได้รับเพียงเท่านั้น

และ กระบวนการยักยอก ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะผู้รับเงินที่แท้จริงแล้วนั้น เป็นบริษัทที่มีชื่อคล้าย ๆ กับ Aabar ที่ Al Husseiny จัดตั้งขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคาร UBS ในสิงคโปร์ ซึ่งอีกสองวันต่อมา เงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ก็ถูกถ่ายโอนไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric อีกเช่นเคย

ซึ่งก็เหมือนเคยด้วยผลประโยชน์ มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัท เชลล์ ของ Low ก็ได้ส่งเงิน 13 ล้านดอลลาร์ไปยัง Densmore ซึ่งเป็น บริษัทในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ของ Otaiba ซึ่งมีบัญชีที่ BSI ในสิงคโปร์ ส่วน Khadem Al Qubaisi ที่เป็นหัวหน้าของ Al Husseiny ได้รับเงินไปอีก 15 ล้านดอลลาร์

ในเดือนกันยายนปี 2014 อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด ที่มีอายุ 89 ปี ซึ่งยังคงเป็นบุคคลสำคัญในพรรค UMNO ได้รับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา รวมถึง email จาก 1MDB ที่แสดงให้เห็นว่า Jho Low มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งการตัดสินใจลงทุน รวมถึงความไม่ชอบมาพากลของเงินทั้งหลายที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ

มหาเธร์ นั้นยังมีอำนาจอย่างสูงในพรรค UMNO และเขาเริ่มมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเขามีความตั้งใจที่จะทำการบีบบังคับให้นายกรัฐมนตรี Najib Razak ลาออก เพราะหนี้ก้อนโตของกองทุนเหล่านี้ เสี่ยงต่อการนำพามาเลเซียไปสู่ภาวะวิกฤติได้แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนติน่า

ฝั่งของ Rewcastle-Brown ก็ได้เขียนบทความในหัวข้อ “การใช้จ่ายของ Jho Low และเงินเพื่อการพัฒนาของมาเลเซีย” ซึ่งชี้ประเด็นถึงเหตุผลว่า ทำไมกองทุนของประเทศต้องโกหกถึงบทบาทลับ ๆ ของ Low

Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน
Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน

และฝั่งของการตรวจสอบบัญชีก็เริ่มโกลาหล เพราะความกังวลของ Deloitte บริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง ก็ได้เรียกร้องให้มีการส่งเงินกลับจำนวนกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน ที่มองว่ามีธุรกรรมที่มีความผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการใช้จ่ายอย่างดุเดือดของ Low เขาคิดว่าจะสามารถปกปิดมันได้ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมใหม่ ๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ สาธารณชนเริ่มรู้สิ่งที่ Low ทำแล้ว และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งอย่าง มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด กำลังมาเล่นเรื่องดังกล่าวด้วย ทำให้มันได้กลายเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังแท้จริงสำหรับ Low เพราะเขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายจำนวน กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์

และฝั่งของธนาคาร Deutsche Bank ก็ต้อน Low ไปอีกมุมเวที นายธนาคารชาวเยอรมัน เริ่มสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนที่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นหลักประกันในการกู้ยืม ซึ่งหากธนาคารเยอรมันขอเงินคืน กองทุนจะไม่สามารถหาเงินสดมาจ่ายได้อย่างแน่นอน

มาถึงตอนนี้ Low เริ่มที่จะจนมุม หลังจากถูกไล่บี้จากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งผู้มีอิทธิพลอย่าง มหาเธร์ นักข่าวที่เกาะติดเรื่องนี้ ขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างเต็มที่อย่าง Rewcastle-Brown ฝั่งตรวจสอบบัญชีอย่าง Deloitte ก็ไล่บี้จนดูเหมือนว่า Low จะไม่มีทางไปแล้ว และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เงินทั้งหมด มันไม่เหลืออยู่แล้วเสียที แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ Low ถึงตอนนี้ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดของการหลอกลวงระดับโลก โดยชายที่ชื่อ Jho Low เสียแล้ว เขาจะจนมุมจริง ๆ หรือ ไม่ แล้วเขาจะหาทางออกอย่างไรจากสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 16 : Butterfly Effect

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References : http://khalifahmailonline.com/2018/06/10/sebaik-ph-menang-pru-ini-tindakan-yang-cuba-dibuat-jho-low-terhadap-tun-mahathir/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 14 : The Secret Source

บนเรือสำราญ Topaz ของ Sheikh Mansour ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจาก French Riviera ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฉลองชัยชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของ Najib Razak เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เกือกม้าในห้องโถงของเรือยอชต์ ในขณะที่กำลังคุยธุรกิจกับ Sheikh Mohammed เจ้าชายแห่งอาบูดาบี ซึ่งเป็นพี่ชายของ Sheikh Mansour

ซึ่งก็เหมือนทุก ๆ ครั้ง Low เป็นคนจัดแจงให้เกิดการประชุมขึ้นในเดือนกรกฏาคมปี 2013 ซึ่งการประชุมครั้งนี้ประกอบไปด้วย Michael Evans รองประธานของ Goldman Sachs และ Tim Leissner ซึ่งต้องบอกว่าเงินที่ Low นำมาช่วยเหลือ Najib นั้นก็ทำให้เขาได้อยู่ในอำนาจอย่างปลอดภัย ต่อไปอย่างน้อยอีกหนึ่งสมัย

และตอนนี้ อาบูดาบี กำลังเตรียมที่จะเทเงินเข้าไปในศูนย์กลางทางการเงินใหม่ในกัวลาลัมเปอร์ ที่จะนำตระกูล Razak ไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง และจะทำให้ฝันในเรื่องการนำพาประเทศมาเลเซียก้าวข้ามเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ตามความฝันของ Najib สำเร็จได้เสียที

และในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะที่ Topaz กำลังแล่นอยู่นอกชายฝั่งของฝรั่งเศส Lorraine Schwartz ช่างอัญมณีชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ก็ได้บินมายัง โมนาโก และ Low ก็ได้พาเธอไปที่เรือยอชต์ ซึ่ง Low นั้นซื้อเครื่องประดับจาก Schwartz มาเป็นเวลาหลายปีทำให้มีความคุ้นเคยกับ Larraine เป็นอย่างดี

และ Low ก็พาเธอไปพบกับ Rosmar ภรรยาของ Najib เพื่อโชว์เครื่องประดับสุดหรู เป็นสร้อยคอเพชรยี่สิบกะรัต แน่นอนว่า Low นั้นไม่มีทางลืม Rosmar หลังจากพา Najib ไปสู่ฝั่งฝันเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง รวมถึง พาลูกเลี้ยงอย่าง Riza Aziz แจ้งเกิดในวงการสร้างภาพยนตร์ ฮอลลีวูด ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ Rosmar ที่ Low ต้องเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ เมื่อ Rosmar และกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันได้เห็นเพชรของ Schwartz ที่ Larraine นำมาด้วยนั้น ทุกคนก็ถึงกับอ้าปากค้าง เป็นเพชรที่งามเด่น แบบที่พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน และนี่เป็นสิ่งที่ Low ต้องมอบให้กับเธอเพื่อฉลองความสำเร็จของสามีของเธอนั่นเอง

แต่แน่นอนว่า การซื้อเครื่องประดับมูลค่าขนาดนี้ ก็ต้องใช้เส้นทางการเงินลึกลับเหมือนเคย เมื่อผ่านไปสองเดือนหลังจากจบทริปล่องเรือที่ฝรั่งเศส Najib ต้องมาประชุมที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

Najib ต้องมาประชุมที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเมืองนิวยอร์ก
Najib ต้องมาประชุมที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเมืองนิวยอร์ก

Low ก็ได้ใช้โอกาสนี้ เพื่อจัดการเรืองเพชรของ Schwartz โดยไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า Low ได้ส่ง email ไปหา Lorraine Schwartz โดยใช้ชื่อบัญชี Gmail ของ Eric Tan และขอให้ทาง Larraine นั้นมอบสร้อยคอกับ Rosmar เมื่อเธอเดินทางไปพร้อมกับสามีที่เมืองนิวยอร์ก

โดย Low ขอให้ Schwartz นั้นออกใบแจ้งหนี้ไปที่ Blackrock Commodities (Global) บริษัท เชลล์อีกแห่งหนึ่งที่ Low เป็นเจ้าของ ที่ตั้งชื่อให้คล้ายกับบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐอเมริกา

ต้องบอกว่าเงินบางส่วนหลังจากการเลือกตั้งนั้นอยู่ในบัญชี Blackrock ในธนาคาร DBS ของประเทศสิงคโปร์ การใช้ที่อยู่ email ของ Eric Tan ตัว Low เองได้บอกกับ DBS ว่า Blackrock เป็นผู้ค้าส่งเครื่องประดับรายหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการไหลเข้าของเงินจำนวนหลายสิบล้านดอลลาร์ โดยราคาของสร้อยเพชรเม็ดงามนั้น อยู่ที่ 27.3 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนเครื่องประดับที่แพงที่สุดในโลก

ซึ่งดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นสำหรับ Low หลังจากได้เงินมาอีกครั้งจาก Goldman Sachs ด้วยรูปแบบวิธีการที่แทบไม่ต่างจากเดิม แต่เพิ่มความซับซ้อนในเรื่องการทำธุรกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ Low นั้นมั่นใจว่า คงไม่มีใครที่จะสามารถตามรอยเขาได้

แต่เรื่องราวที่น่าหวั่นวิตกสำหรับ Low ก็เกิดขึ้นจนได้ นับตั้งแต่ออกจาก PetroSaudi ในปี 2011 Xavier Justo หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องที่สำคัญของการปล้นครั้งแรกของ Low พยายามที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนั้น

แม้จะมีส่วนร่วมในการปล้นครั้งแรก แต่ดูเหมือน Justo จะถูกหักหลัง เขาหนีมาใช้ชีวิตบนเกาะสมุย ของประเทศไทย โดยเขาหันเหชีวิตมาพัฒนาวิลล่าสุดหรูในเกาะแห่งนี้ มันเป็นเกาะในฝันของใครหลาย ๆ คนรวมทั้ง Justo เอง เขาหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ แต่ดูเหมือนแผนการสำหรับการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเขาจะเจอกับปัญหาเสียแล้ว

Justo ที่หนีมาใช้ชีวิต ที่เกาะสมุยในประเทศไทย
Justo ที่หนีมาใช้ชีวิต ที่เกาะสมุยในประเทศไทย

เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูง ทำให้ Justo เอง เริ่มคิดถึงเงินที่ PetroSaudi เคยสัญญาไว้ แต่ไม่เคยจ่ายให้เขา กับค่าส่วนแบ่งในการปล้นครั้งแรกของ Low ซึ่งเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่เขารู้สึกท้อแท้ผิดหวัง เขารู้สึกขมขื่นกับวิธีที่ Tarek Obaid เพื่อเก่าของเขาได้เฉดหัวเขาทิ้งจาก PetroSaudi และไม่ได้จ่ายเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้

ในช่วงปี 2013 Justo จึงได้ทำการติดต่อกับ Patrick Mahony ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ PetroSaudi ทาง email ว่า เขามีข้อมูลที่เป็นอันตราย ซึ่งเขาได้ copy ข้อมูลจาก server ของ PetroSaudi ข้อมูลขนาด 140 GB ที่มีทั้ง email และเอกสารที่เกี่ยวข้องเกือบ 5 แสนฉบับจาก PetroSaudi

ซึ่งในเนื้อหาของ email และเอกสารนั้น ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับ Low , Mahony และ Obaid ที่ทำการยักยอกเงินจาก 1MDB ซึ่งตอนนี้ตัว Justo เริ่มหมดความอดทน และรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง จึงได้นัดพบกับ Mahony ที่กรุงเทพ

ทั้งคู่นัดพบเจอกันที่โรงแรมแชงกรีลา ใจกลางกรุงเทพ เมืองหลวงของประเทศไทย Justo ได้เล่าให้ Mahony ฟังว่าเขารู้สึกอย่างไร PetroSaudi ที่ตกลงจะจ่ายเงินนับล้านฟังก์สวิสให้เขา แต่จำนวนเงินที่ได้จริงกลับลดน้อยลงมาก ไม่เป็นไปตามข้อตกลง

ตอนนี้เขาต้องการเงิน 2.5 ล้านฟรังก์สวิส เงินที่เชื่อได้ว่าเขาควรจะได้รับ แต่ Mahony เป็นคนเย็นชาต่อข้อเรียกร้องของ Justo ตัว Mahony มองว่าไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีการยักยอก หรือ การกระทำใดผิด เขาจึงบอกกับ Justo ว่า PetroSaudi จะไม่จ่ายเงินให้อย่างแน่นอน สุดท้ายพวกเขาก็แยกย้ายกันโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เกิดขึ้น

ดูเหมือนหนทางของ Justo จะมืดมน หลังจากถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีจาก PetroSaudi ในเงินที่เขาควรได้รับ ทำให้เขาเริ่มมองหาผู้ซื้อคนอื่นที่เหมาะสม สำหรับข้อมูลสุด Exclusive ที่เขามีอยู่ และมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นักข่าวสาวชาวอังกฤษคนหนึ่ง กำลังสนใจเรื่องราวของ Jho Low แบบพอดิบพอดี

Clare Rewcastle-Brown นักข่าวสาววัย 54 ที่แต่งงานกับพี่ชายของอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Gordon Brown เธอเป็นนักข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ที่มีความเชื่อมั่นอย่างนึงว่า นักการเมืองที่กระทำการใด ๆ ที่ส่อเค้าทุจริตนั้น จะต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำดังกล่าว

ในช่วงธันวาคมปี 2013 Rewcastle-Brown เริ่มได้ยินข่าวลือจากแหล่งข่าวในมาเลเซียเกี่ยวกับ Red Granite บริษัทผลิตภาพยนตร์ ที่ดำเนินการโดย Riza Aziz ลูกเลี้ยงของ Najib Razak

Rewcastle-Brown ได้รับการซุบซิบนินทาในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า หน่วยงานของรัฐบาลมาเลเซียอาจสนับสนุนทางการเงินให้กับ บริษัท Red Granite ของ Riza Aziz เธอจึงได้เดินทางไปยังเมืองลอสแองเจอลิสเพื่อรวมรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Red Granite

ซึ่งในช่วงดังกล่าวนั้น มีคดีความฟ้องร้องของบริษัท Red Granite พอดิบพอดี เมื่อ Red Granite ได้ซื้อสิทธิ์ในภาพยนตร์ในตำนานอย่าง Dumb and Dumber ภาพยนตร์ตลกชื่อดังในช่วงยุคปี 1994 ที่นำแสดงโดย Jim Carrey

ในเดือน กรกฏาคมปี 2013 Red Granite ได้ยื่นฟ้องคดี ในความพยายามที่จะแยกผู้ผลิต Steve Stabler และ Brad Krevoy ออกจากการมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ ซึ่งทาง Stabler และ Krevoy นั้นโต้เถียงโดยอ้างสิทธิ์ตามสัญญาที่จะมีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ

ต้องบอกว่า การฟ้องร้องกันในเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่ว ฮอลลีวูด ดูเหมือนว่า ทั้ง Riza และ McFarland นั้นจะขาดประสบการณ์ในการผลิตภาพยนตร์ แม้ Red Granite นั้นจะมีเงินจากครอบครัวของ Aziz แต่กิจการก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว

แน่นอนว่าเมื่อ Rewcastle-Brown ได้ยินเรื่องดังกล่าว ก็คิดว่าต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะดูเหมือนว่าข้อมูลที่ Rewcastle-Brown ได้มาจากการเดินทางไปยังเมืองลอสแองเจลลิส นั้น พบว่า ข้อมูลที่สำคัญก็คือ ทั้ง Riza Aziz และ McFarland ที่กำลังใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลกับ Red Granite บริษัทผลิตภาพยนตร์ของพวกเขา

โดยทั้งคู่ต่างไม่เคยที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องราวทางการเงิน หรือแหล่งที่ได้มาของเงินในการใช้จ่ายกับบริษัท Red Granite ทำให้ผู้คนในฮอลลีวูด ต่างเริ่มสงสัยในตัวของพวกเขา ซึ่งพวกเขามักให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินทุนจากตะวันออกกลางและเอเชียอย่างคลุมเคลือ และแทบจะไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมกับแหล่งที่มาของเงิน

ซึ่งสิ่งเหล่นี้ Rewcastle-Brown มองว่า มันเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เด็กหนุ่ม Riza Aziz ที่มี Najib Razak นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียเป็นพ่อเลี้ยง จะมีเงินทุนเพียงพอที่จะเปิดตัวบริษัทภาพยนตร์ ด้วยทุนสร้างมหาศาลเหล่านี้ได้อย่างไร และนี่คือปริศนาที่เธอต้องแก้ไข ซึ่งปริศนาเริ่มต้นเหล่านี้ กำลังพาเธอไปพบกับข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าตกใจ แล้วเธอได้พบเจอข้อมูลอื่น ๆ ที่มากกว่าที่เธอคิดได้อย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 15 : Out Of Control

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://malaysiadailynews.com/xavier-justo-says-jho-lows-website-is-like-a-comic-book-and-lacks-any-proof/