ประวัติ Jho Low ตอนที่ 13 : Just In Time

ในเดือนเมษายนปี 2013 เป็นช่วงเดือนที่ร้อนระอุ ในเมืองจอร์จทาวน์ เมืองหลวงของปีนัง ซึ่งเป็นเกาะนอกชายฝั่งทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเลเซีย ในย่านประวัตศาสตร์ของเมือง เต็มไปด้วยฝูงชน ที่เข้ามารับชมการแสดงครั้งสำคัญของศิลปินจากต่างประเทศ

Jho Low ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของเขา เพื่อช่วยในการหาเสียงให้กับนายกรัฐมนตรี Najib Razak ของการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศมาเลเซีย เหล่าศิลปินภายใต้ต้นสังกัดของ Low มาช่วยในงานนี้อย่างพร้อมเพรียง

Busta Rhymes , Swizz Beatz และ Redfoo ได้จัดงานแสดงคอนเสิร์ตขนาดย่อม ในโรงเรียนสอนภาษาจีนท้องถิ่น ผู้คนจำนวน 8 หมื่นคน ได้รับตั๋วฟรีคนละ 1 ใบ เพื่อเข้ารับชมการแสดง เพื่อรับบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ

Low ได้จัดคอนเสิร์ต เพื่อระดมทุน โดยเป็นการจัดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศมาเลเซียเพียงสองสัปดาห์ และแน่นอนว่า เรื่องราวเหล่านี้ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แนวคิด “One Malaysia” เป็นความคิดริเริ่ม ของนายกรัฐมนตรี Najib Razak ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างฐานคะแนนกับชาวมาเลเซียทุกเชื้อชาติ

มีการจัดเตรียมทุกอย่างโดย Low ซึ่งเป็นผู้จัดการทั้งหมด ร้านอาหารในท้องถิ่นต่างประดับประดาไปด้วยแบนเนอร์ของ “One Malaysia” มีการแจกอาหารฟรีเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง มีการจ่ายเงินให้กับ Psy ป็อปสตาร์ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมีเพลงยอดฮิตอย่าง “Gangnam Style” ที่กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลก ให้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ปีนัง

เรียกได้ว่า Najib ต้องการฐานเสียงจากรัฐปีนัง ที่เป็นหนึ่งในรัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย แต่แม้จะใช้เงินจำนวนมหาศาลไปกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ตัว Najib เองก็ยังคงดูเหมือนไม่เป็นที่นิยมในปีนัง

ในคอนเสิร์ต Psy นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อตะโกนถามฝูงชนที่เข้ามารับชมว่า พร้อมที่จะรับฟังการแสดงของ Psy แล้วหรือยัง

“ใช่” เหล่าฝูงชนกรีดร้องเสียงดัง จากนั้นเขาถามฝูงชน ว่าพร้อมที่จะให้โอกาสกับพรรคร่วมรัฐบาลของเขาในรัฐปีนังแล้วหรือยัง

คำตอบคือ “ไม่” เหล่าฝูงชนร้องคำราม หลังได้ยินเสียงของนายกรัฐมนตรีของเขา

แม้ความพยายามของ Najib ใน ปีนัง จะมากมายเพียงใด แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับมาได้รับความนิยมในรัฐนี้ ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ อันวาร์ อิบราฮิม อดีดรองนายกรัฐมนตี ซึ่งเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากคุก จากคดีเรื่องรักร่วมเพศ

อันวาร์ เป็นนักพูดที่มีพรสวรรค์ และเขาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และจากการสำรวจล่าสุดนั้นพบว่า เขาอาจจะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤษภาคม ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ต้องบอกว่าในสมัยแรกของ Najib Razak ขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่า ๆ ที่เขาขึ้นครองอำนาจ Najib นั้นได้ไว้วางใจ Low ให้ทำงานในกองทุน 1MDB โดยแทบจะไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น

Rosmar ภรรยาของ Najib นั้นสนุกอยู่กับการชอปปิ้ง หรือ บรรดาเครื่องประดับ และคฤหาสน์หรูของเธอ ส่วนลูกเลี้ยงเธออย่าง Riza นั้นก็ได้กลายเป็นเจ้าพ่อภาพยนตร์ สถานการณ์ตอนนั้น ทำให้ Najib ต้องการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะหากต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้ง

Low รู้ดีว่าต้องหาวิธีการในการส่งเงินให้กับ Najib ยิ่งไปกว่านั้นข่าวที่ร้ายยิ่งกว่าก็คือ อันวาร์ ได้ตีพิมพ์แถลงการณ์การเลือกตั้งของเขา และแถลงคำมั่นสัญญาหนึ่งที่ทำให้ Low หวั่นวิตก นั่นคือผู้นำฝ่ายค้านต้องการทราบถึงจุดประสงค์ที่ชัดเจนของกองทุน 1MDB และหากได้รับการเลือกตั้งอันวาร์สัญญาว่าจะทำการปิดกองทุนทันที

ซึ่งหากกองทุนมีการถูกปิด และถูกสอบสวนจริง ๆ หายนะอาจจะเกิดกับทั้ง Low และ Najib ทำให้ทั้งคู่ต้องหาทางดิ้นรนอย่างหนัก และทำทุกวิถีทางให้ได้รับการเลือกตั้งในสมัยที่สอง

และเป็นอีกครั้งที่ Low ต้องอาศัย Goldman Sachs ในการประชุม World Economic Forum ที่จัดขึ้นทุกปีในหมู่บ้านสกี เมือง Davos ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเครือข่ายชั้นยอดของผู้นำระดับโลก ผู้บริหารจาก Wall Street และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใน Fortune 500

ซึ่งในงานดังกล่าว Najib มีโอกาสได้เจอกับ Michael Evans รองประธานของ Goldman Sachs ใน นิวยอร์ก โดยหลังจากความสำเร็จในการขายพันธบัตรในครั้งแรกในปี 2012 นั้น Najib กล่าวกับ Evans ว่าต้องการเงินเพิ่มอีก 3 พันล้านดอลลาร์

Najib ต้องการเงินเพิ่มอีก 3 พันล้านดอลลาร์ จาก Goldman Sachs
Najib ต้องการเงินเพิ่มอีก 3 พันล้านดอลลาร์ จาก Goldman Sachs

โดย Najib นั้นกล่าวถึงการที่เขาได้มีโอกาสเป็นพันธมิตรกับ Aabar กองทุนของอาบูดาบี เพื่อสร้างศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และทำให้กลายเป็นศูนย์กลางการเงินและการธนาคารชั้นนำในเอเชีย ซึ่งกองทุนจากอาบูดาบีจะใส่เงินอีก 3 พันล้านดอลลาร์เพิ่มเข้าไปในกองทุนดังกล่าว

แน่นอนว่า Goldman Sachs พร้อมที่จะเต็มใจช่วยเหลืออีกครั้ง แม้มันจะเป็นการสนทนาแบบไม่เป็นทางการ แต่เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้จากการออกพันธบัตรครั้งแรกจำนวนมหาศาล ทำให้ Deal ดังกล่าว เป็นแค่การคุยกันแบบไม่เป็นทางการเท่านั้น และทาง Goldman Sachs ก็พร้อมจะช่วยเหลือทันที ซึ่งแม้จะมีผู้บริหารบางรายมีความสงสัย แต่สุดท้าย เหล่าผู้บริหารระดับสูงก็มองถึง ผลกำไร และรายได้มากไปกว่าการจะมาตรวจสอบรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกรณีอื่น ๆ

หลังจากนั้น Goldman Sachs ก็พร้อมแล้วที่จะซื้อพันธบัตรมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในกองทุน 1MDB อีกครั้ง แต่ก็ต้องมีเหตุการณ์สะดุดเล็กน้อย เมื่อทนายความของ Goldman ที่ดูแลข้อตกลงนี้ มีการชี้ให้เห็นถึงความผิดปรกติที่จะใช้ธนาคารเอกชนขนาดเล็กอย่าง BSI ในการฝากเงินมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์

แต่สุดท้ายก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Goldman ที่ผลักดันให้ข้อตกลงดังกล่าวผ่านไปได้อีกครั้ง เนื่องจากมองว่า BSI นั้นไม่ได้อยู่ในบัญชีดำใด ๆ สำหรับการฟอกเงิน ซึ่ง Goldman Sachs นั้นเข้าใจถึงวัตถุประสงค์หลักของลูกค้าในดีลข้อตกลงดังกล่าวซึ่งนั่นก็คือ “การรักษาความลับในระหว่างการดำเนินการ” และ “ความเร็วในการดำเนินการ” แม้บริษัทร่วมทุนที่ Najib กล่าวอ้างถึงระหว่าง 1MDB-Aabar นั้นยังไม่มีแผนที่ธุรกิจที่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ

ความหวังของ Najib ในการสร้างศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ของเอเชียในกรุงกัวลาลัมเปอร์
ความหวังของ Najib ในการสร้างศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ของเอเชียในกรุงกัวลาลัมเปอร์

ซึ่งแน่นอนว่างานนี้มันมีผลประโยชน์มหาศาลล่อตาล่อใจ เหล่านายธนาคารเหมือนเดิม เพราะ Goldman Sachs จะได้รับเงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ สำหรับการออกพันธบัตรครั้งใหม่ และรวมทั้งหมดที่ Goldman Sachs ได้รับผลประโยชน์จากกองทุน 1MDB นั้นสูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าปรกติถึง 200 เท่า นั่นเอง

และเมื่อถึงวันโอนเงิน Jho Low ได้แจ้งให้พนักงาน Joanna Yu ที่ AmBank ของประเทศมาเลเซีย จะมีการโอนเงินเข้ามาในบัญชีที่มีชื่อว่า “MR. AMPRIVATE BANKING” ซึ่งบัญชีดังกล่าวนั้นคือบัญชีของ Najib Razak โดยเป็นความลับที่รู้กันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

โดย Low นั้นสั่งให้ Yu แจ้งเพื่อนร่วมงานว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้มีชื่อที่อยู่ หรือ หมายเลขบัตรประชาชน ของเขาปรากฏในธุรกรรม ซึ่ง Low นั้นก็รู้ดีว่า การกระทำในลักษณะนี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนการเลือกตั้งนั้น มีความเสี่ยงสูง

และเพื่อซ่อนการทำธุรกรรมที่ใหญ่ขนาดนี้ เมื่อ Goldman ฝากเงินจากพันธบัตรมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์มายัง BSI และในทันทีทันใด เงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ ถูกนำไปใช้ทันที มีการย้ายเงินไปที่ Curacao ไปสู่บริษัทในหมู่เกาะ บริติชเวอร์จิ้น ที่มีชื่อว่า Tanore Finance Corporation ซึ่งเป็นบริษัท เชลล์ ซึ่งถูกควบคุมโดย Fat Eric

จากนั้นมีการโอนเงินอีกสองครั้งจำนวน 681 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ถูกย้ายจาก Tanore ไปยังบัญชีลับของนายกรัฐมนตรี ซึ่ง Najib ใช้การอัดฉีดเงินเข้าครั้งนี้ส่วนใหญ่ ก็เพื่อจ่ายให้กับนักการเมืองที่เป็นลูกน้อง , เคมเปญในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง รวมถึง เรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ และ ค่าใช้จ่ายกว่า 56,000 ดอลลาร์ ที่ใช้ในการซื้อรถหรู จาก Signature Exotic Cars

ในวันเลือกตั้ง 5 พฤษภาคม 2013 ต้องบอกว่า Najib รอดพ้นหายนะทางการเมือง ได้อย่างหวุดหวิด เมื่อสามารถชนะเลือกตั้งกลับมาได้อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาต้องขอบคุณ Low ที่อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อมาสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ และเอาชนะไปได้สำเร็จ

แม้จะเป็นชัยชนะของพรรค UMNO ของ Najib อีกครั้ง แต่ความนิยมลดต่ำลงอย่างน่าใจหาย ที่ Najib ยังคงอยู่ในอำนาจนั้น ก็เพราะกฏการเลือกตั้งใหม่ที่มีที่นั่งในรัฐสภามากขึ้นจากพื้่นที่ชนบทที่ครอบงำโดยชาติพันธุ์มาเลย์ อันวาร์ อิบราฮิม กล่าวว่าเขาถูกโกงในการเลือกตั้ง ครั้งนี้

แต่การชนะครั้งนี้ ก็ทำให้พวกเขารอดจากการถูกปิดกองทุน 1MDB หากฝ่ายค้านได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยการกระทำอย่างเร่งรีบ และเสี่ยงมากยิ่งขึ้นของ Low ในช่วงท้ายการเลือกตั้งนั้น มันก็เริ่มได้รับความสนใจจากนักข่าว The Edge มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

The Edge หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายสัปดาห์ เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับการลงทุนของ 1MDB ใน PetroSaudi รวมถึงการลาออกอย่างกระทันหันของประธานกองทุนคนเก่าอย่าง Bakke แต่นักข่าวยังไม่สามารถค้นหาหลัักฐานมามัดตัวเรื่องราวที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้อย่างชัดเจนในตอนนั้น

แต่มันก็เริ่มได้กลิ่นการทุจริตที่ มีมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีสื่ออื่น ๆ หันมาสนใจประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้น สาธารณชนเริ่มหันมาสใจเรื่องดังกล่าว เพราะข้อมูลมันเริ่มรั่วไหลออกมามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านตัวละครที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

แล้ว Low จะปกปิดเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่ การรอดครั้งหวุดหวิดจากชัยชนะของ Najib ในการเลือกตั้งจะช่วยเขาได้มากน้อยเพียงใด ดูเหมือนทั่งคู่จะเริ่มตกที่นั่งลำบากกันเสียแล้ว หลังจากสื่อหลัก ๆ เริ่มที่จะมาโฟกัสในเรื่องนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ Jho Low โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 14 : The Secret Source

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol