NetScape Time ตอนที่ 10 : Breakout

แม้ปัญหากับมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ได้ข้อยุติไปแล้วก็ตาม แต่ปัญหาใหญ่ที่จะตามมาก็คือ การก้าวเข้ามาของ Microsoft เมื่อทางมหาวิทยาลัยนั้นได้ให้ลิขสิทธิ์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft กับโปรแกรม Mosaic แต่ไม่ยอมให้กับ NetScape Communication

แม้ปัญหาแรกจะคลี่คลายในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่บริษัทต้องสูญเสียอะไรหลาย ๆ อย่างมาก ๆ ต้องปลดพนักงานกว่า 20 คนจากจำนวนพนักงานทั้งหมด 120 คน และต้องเสียค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางกฏหมายอีกมากมาย กว่าจะได้ข้อยุติ และทำให้บริษัทเหลือทุนเพียงแค่ 1 ล้านเหรียญ เศษ ๆ เท่านั้น

ยังมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อ James Barksdale ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับบริษัทในที่สุด สื่อต่าง ๆ ก็เริ่มให้ความสนใจกับ NetScape อีกครั้ง รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เริ่มที่จะกลับมาติดต่อของลิขสิทธิ์ในการใช้งานโปรแกรม NetScape Navigator ที่เพิ่งปล่อย version 1.0 ออกไปเพียงไม่นาน

ซึ่งการได้ผู้บริหารระดับสูงอย่าง James Barksdale มาร่วมงานนั้น ยิ่งทำให้ได้รับความสนใจจากผู้สื่อข่าว เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 1995 สถานการณ์ทุกอย่างของบริษัทก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

เมื่อ James Barksdale เข้ามาสถานการณ์ต่าง ๆ ของบริษัทก็เปลี่ยน
เมื่อ James Barksdale เข้ามาสถานการณ์ต่าง ๆ ของบริษัทก็เปลี่ยน

เมื่อ internet ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ทีมงานของ NetScape ได้เดินทางไปทั่วโลก เพื่ออธิบายถึงเรื่องของเว๊บ ให้กับบริษัทต่าง ๆ ในหลากหลายธุรกิจ ทั้งด้านสื่อสาร ธนาคาร รวมถึงบริษัทจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ มากมายทั่วโลก

บริษัทได้เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว และได้เริ่มรุกตลาดไปยังต่างประเทศ โดยมีสำนักงาน 28 แห่งในยุโรป และ 13 แห่งในเอเชีย มีการประกาศความร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ 12 แห่งในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ลิขสิทธิ์ NetScape Navigator

มีการตั้งคำถามขึ้นมากมาย ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเช่นไร เมื่อการก้าวเข้ามาของเว๊บ และ internet เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ต่างเริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ บนโลก internet เมื่อได้ใช้งาน NetScape Navigator

ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้นั้น internet ได้ถูกใช้ในวงแคบ ๆ ของวงการการศึกษา และ กลุ่มนักวิจัยเพียงเท่านั้น และส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานส่งผ่านข้อมูล Text ซึ่ง Mosaic และ NetScape ได้เปลี่ยนให้คนทั่วไปเข้ามาสู่ internet ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างก็คือ internet นั้นยังมีความสามารถในการพัฒนาได้อีกไกล เพราะเหล่าบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ เริ่มปรับตัวเข้ามาให้บริการ Internet Service Provider (ISP) เพราะพวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วในด้านโทรคมนาคม

ในด้านการเงินนั้น บริษัทก็เริ่มกลับมาอยู่ในเส้นทางที่สดใสอีกครั้ง แม้จะมีผลิตภัณฑ์เพียงแค่โปรแกรม NetScape Navigator v1.0 และ สินค้าอีก 2 ตัวที่เป็น server เพื่องานสื่อสารและการค้า แต่การได้ลูกค้าระดับ Big อย่าง AT&T เข้ามาทำให้มีผู้สนใจผลิตภัณฑ์ของพวกเขามากมาย

ไม่นานหลังจาก James Barksdale เข้ามาร่วมงาน เขาก็สามารถทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ต้องเรียกได้ว่าเขาเข้ามาในสถานการณ์ที่ถูกที่ ถูกเวลาเสียจริง ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง กล่าวได้ว่า เพียงแค่เพิ่มคนตอบโทรศัพท์เพิ่มขึ้น ยอดขายก็แทบจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว และมันได้ทำให้บรรยากาศของบริษัทเปลี่ยนจากความเครียดสุด ๆ ในช่วงก่อนหน้า กลายเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

แต่แม้จะมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในต้นปี 1995 บริษัทก็ได้ตัดสินใจระดมทุนรอบที่สาม ซึ่งเป็นการระดมทุนผ่านบริษัทต่าง ๆ โดยให้บริษัทยักษ์ใหญอย่าง Morgan Stanley เข้ามาช่วยจัดการในเรื่องดังกล่าว และช่วยให้บริษัทมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 150 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นตัวเลขมหาศาลมาก ๆ เมื่อเทียบกับขนาดบริษัทในขณะนั้น

ซึ่งก่อนหน้านี้ แนวทางในการดำเนินธุรกิจแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีกกลุ่มคือ ลูกค้าบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในการสร้างรายได้

ในเดือน กุมภาพันธ์ปี 1995 บริษัทสร้างได้จากกลุ่มลูกค้าองค์กรได้มากจน Marc เองได้ปฏิเสธ ที่จะทดลองจ้าง Jerry Yang และ David Filo สองบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้พัฒนาเว๊บไซต์ Yahoo เพราะต้องบอกว่าตอนนั้น แทบไม่มีใครมองเห็นถึงศักยภาพของเว๊บ portal แบบ Yahoo ทำ รวมถึง Search Engine เองก็ตามที่ยังไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในโลกของ internet

Jerry Yang และ David Filo เกือบจะมาเป็นพนักงาน NetScape
Jerry Yang และ David Filo เกือบจะมาเป็นพนักงาน NetScape

เมื่อบริษัทได้รับเงินระดมทุนจำนวนมหาศาลในการระดมทุนรอบ 3 ก็ทำให้สามารถจ้างพนักงานที่มีศักยภาพได้มากยิ่งขึ้นในหลาย ๆ ตำแหน่ง ทำให้บริษัทแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม ปี 1995 นั้น บริษัทได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นกว่า 2,000 คน

ทั้ง James , Jim และ Marc เองก็ได้เริ่มตระหนักว่าโปรแกรม Browser อย่าง NetScape Navigator นั้น เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ internet ในตอนนั้นไม่ว่าลูกค้าจะไปที่ใดบนโลก internet จะค้นหาข้อมูล เลือกซื้อสินค้า หรือ กระทำการใด ๆ ก็ต้องทำผ่าน Browser เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่า มันสร้างอำนาจต่อรองให้กับบริษัทของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี มันก็ได้สร้างคู่แข่งให้กับพวกเขาโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน เพราะเว๊บไซต์ต่าง ๆ เริ่มเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เช่น ตัวอย่างการเกิดขึ้นของ Yahoo แม้ NetScape เองจะเป็นผู้สร้างตลาดนี้ให้เกิดขึ้นก็ตามที

สถานการณ์ในตอนนั้น ต้องเรียกได้ว่า NetScape กลายเป็นราชาแห่งโลก internet เหล่าผู้บริหารเองก็เชื่อว่า อนาคตทั้งหมดของ internet อยู่ที่โปรแกรมของบริษัทนั่นก็คือ Browser NetScape ไม่ใช่ที่ตัวเว๊บไซต์เช่น Yahoo

และเมื่อผ่านไปถึง ฤดูใบไม้ผลิ บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 7 ล้านเหรียญในไตรมาสแรก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างกำลังเข้าทางพวกเขาทั้งหมด เหมือนจะไม่มีอะไรจะมาหยุดพวกเขาอยู่ได้อีกต่อไป

แต่พวกเขากลับไม่รู้ตัวว่า กำลังมีศัตรูที่แข็งแกร่งได้แอบซุ่มเงียบ ๆ อยู่ และกำลังจะมาโค่นล้มบัลลังก์พวกเขา แล้ว ศัตรูผู้นั้นคือใคร แล้วเขาจะมาล้มเจ้าตลาด ผู้เป็น Gateway ประตูสู่โลก internet อย่าง NetScape Navigator ได้อย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 11 : Going Public

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol