ประวัติ Tim Cook ตอนที่ 10 : Apple’s Best CEO?

ต้องบอกว่า Steve Jobs ถือเป็น CEO ที่ไม่เหมือนใคร ที่เราอาจจะไม่ได้เห็นคนแบบเขาอีกเลยก็ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่เพียง CEO ของ Apple เท่านั้น เขายังเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ของ Apple เป็นทั้งคนที่ตัดสินใจเรื่องสำคัญทุกอย่างของ Apple แต่ Tim Cook ไม่ใช่คนที่เหมือน Jobs

แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ทราบ ก็คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตของ Apple ในระยะยาวได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่ตัวผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ การกระจายเงินและการตลาด ซึ่งเป็น Cook ที่ได้พิสูจน์ความสามารถของเขาสำหรับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

แล้วทำไมในสายตานักวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ชื่อดังอย่าง Horace Dediu ถึงมองว่า Cook เป็น CEO ที่ดีที่สุดของ Apple ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

แม้ความรู้สึกจะดูขัดแย้งกับหลาย ๆ คน ที่เกิดคำถามว่า Cook จะเป็น CEO ที่ดีกว่า Jobs ได้อย่างไร Jobs เป็นผู้สร้างบริษัทตั้งแต่ต้น เขาได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ไล่มาตั้งแต่ พีซี เครื่องแรก (Apple II) ไปจนถึง iPod , iPhone , iPad และอีกมากมาย

แต่ Dediu มองว่า Steve Jobs ไม่เคยเป็น CEO จริง ๆ Jobs มักจะพยายามหลีกเลี่ยงงานของ CEO ที่แท้จริง เพราะเขามักจะไปขลุกอยู่ในหน้าที่ของ หัวหน้าฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์เสมอต่างหาก

ในตอนที่ Jobs กลับมาในครั้งที่สองเพื่อมาแก้วิกฤตินั้น เขาได้มือดีอย่าง Cook มาช่วยดูแลงานด้านอื่น ๆ ที่เป็นหน้าที่ของ CEO เพื่อให้เขาสามารถทำสิ่งที่เขารักมากที่สุด นั่นก็คือการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องจากเขาได้นั่นเอง

ตัว Tim Cook เองนั้นอาจจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าพนักงานของ Apple ที่อยู่เบื้องหลังเขา แต่ยังมีคำถามใหญ่สำคัญที่หลาย ๆ คนสงสัยอยู่ นั่นก็คือ Apple สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เช่นเดียวกับที่ Jobs เคยทำได้หรือไม่

แต่ในความเป็นจริงถ้าพิจารณาตลอดการทำงานของ Jobs กับ Apple นั้น ในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ อย่าง Apple II ที่เปิดตัวในปี 1977 Mac เครื่องแรกที่ตามมาหลังจากนั้น 7 ปี iMac เครื่องแรกที่เปิดตัวในปี 1998

หลังจากนั้น 14 ปีต่อมาก็เป็น iPod , Mac OSX ส่วน iPhone เปิดตัวในปี 2007 หลังจาก iPod หกปี ส่วนผลิตภัณฑ์ชิ้นสุดท้ายที่ Jobs สรรค์สร้างขึ้นอย่าง iPad นั้นก็ตามมาหลังจาก iPhone 3 ปี ในปี 2010

ซึ่งเมื่อมาพิจารณาผลิตภัณฑ์ชิ้นเอกแต่ละตัวของ Jobs นั้นจะพบได้ว่า พวกมันไม่ได้ประสบความสำเร็จในวันที่เปิดตัวเลยในทันที แต่มันจะใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะประสบความสำเร็จ iPod ไม่ได้ขายอย่างถล่มทลายทันที แต่เป็นหลังจาก 3 ปีที่ Apple ได้เพิ่ม USB port เข้าไปให้สามารถใช้งานได้ง่ายในระบบปฏิบัติการ Windows

iPhone ก็ไม่ได้สร้างยอดขายแบบถล่มทลายทันทีหลังเปิดตัว จะมาบูมจริง ๆ ก็หลังจากนั้น 3 ปี หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ซึ่งผลิตภัณฑ์ Apple น้อยมากที่ได้รับความนิยมอย่างทันทีทันใดหลังจากการเปิดตัว

แน่นอนว่า Steve Jobs ได้รับเครดิตสำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งเหล่านี้ทันที และมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องจำไว้ว่าทุกอย่างที่ประสบความสำเร็จมันไม่ง่ายสำหรับเขาเสมอไป เช่นเดียวกัน Cook ก็ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่เหมือนกันหลายอย่าง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมบางอย่างที่ต้องใช้เวลาพอสมควรตัวอย่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือ Apple Watch

ต้องบอกว่า Apple Watch ของ Cook นั้นก็กำลังดำเนินการตามรูปแบบที่คล้ายคลึงกันกับผลิตภัณฑ์ของ Jobs การเปิดตัวของ Apple Watch ในยุค Cook นั้น ได้รับการตอบรับด้วยความสงสัย หรือ แม้กระทั่งดูถูกเลยด้วยซ้ำจากสื่อบางราย

แต่อย่างที่เราทราบว่าเพียงแค่ 3 ปีต่อมา Apple Watch กลายเป็น Smartwatch ที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดในตลาด และมีขนาดใหญ่กว่าอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสทั้งหมด ซึ่ง Apple คาดว่าจะมียอดขาย Apple Watch กว่า 46 ล้านเครื่องจวบจนถึงปัจจุบัน

Tim Cook กับผลงานของเขาอย่าง Apple Watch
Tim Cook กับผลงานของเขาอย่าง Apple Watch

และมันมีแนวโน้มอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมาว่า Apple Watch ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความทะเยอทะยานของ Apple ในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยนวัตกรรมทางด้านซอฟต์แวร์เช่น HealthKit และ ResearchKit

ซึ่งทำให้ Apple ได้มีการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับ smartwatch ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลด้านสุขภาพและการออกกำลังกายของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากตัว Apple Watch ที่ติดตลาดไปแล้วนั้น Apple ภายใต้การนำของ Tim Cook ยังคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น AirPods ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในตลาดหูฟังไร้สายที่ Apple เข้ามาแย่งชิงตลาดในส่วนนี้ได้อย่างถล่มทลาย

ต้องบอกว่า Cook นั้นเป็นคนที่เห็นคุณค่าของนวัตกรรมในทุกระดับ และเขาก็มีวิสัยทัศน์ที่ดีพอสำหรับการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และมีความสามารถพิเศษในการรับรู้ว่าผลิตภัณฑ์ไหนจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและสามารถทำเงินให้กับ Apple ได้อย่างมหาศาลอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับ

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Tim Cook จาก Blog Series ชุดนี้

ต้องบอกว่าจากเรื่องราวของ Tim Cook ใน Blog Series ชุดนี้ เราจะได้เห็นถึงรากฐานความเป็นผู้นำของ Cook ที่ Apple แม้เขาเองจะไม่ได้เป็นนักคิด ศิลปิน ผู้สร้างสรรค์ แบบเดียวกับที่ Steve Jobs เป็น

แต่เราจะเห็นได้ว่าการบริหารของเขาในฐานะ CEO ของ Apple ได้พา Apple ก้าวขึ้นมาอีกระดับ แม้ว่าในตอนที่รับงานนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นงานที่ยาก และแทบจะกล่าวได้ว่ามันเป็นงาน ๆ หนึ่งที่ยากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

แต่ผ่านมา 8 ปี Cook ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้ และทำได้ดีด้วย เขาสามารถลบคำสบประหม่าต่าง ๆ รวมถึงจากนักวิจารณ์จากสื่อชื่อดังต่าง ๆ ที่ต่างคิดว่า Apple จะต้องถึงคราล่มสลาย เมื่อ Jobs ได้ลาจากโลกนี้ไป

เราจะเห็นได้ว่า การเป็นผู้นำในระดับโลกนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางด้านการเมือง หรือ ผู้นำทางด้านธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะมีบุคลิก ลักษณะส่วนตัวแบบไหน คุณก็สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดขององค์กรได้

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักสร้างสรรค์ นักนวัตกรรม หรือ คุณลักษณะนิสัยแบบก้าวร้าว แข็งกร้าว แบบที่ Jobs เป็น แต่ Cook แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางด้านการบริหารที่แทบจะตรงข้ามกับ Jobs เขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

Cook เป็นคนนอบน้อม ถ่อมตัว รับฟังปัญหา ซึ่งแทบจะตรงข้ามกับ Jobs ทุกอย่างเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ โลกเรามีผู้นำองค์กร หรือ ผู้นำการเมืองในหลากหลายรูปแบบ คุณไม่จำเป็นต้องเหมือนใครแล้วจะประสบความสำเร็จด้วยการกลายเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กรของคุณ

เพราะฉะนั้น เรา ทุกคน ไม่ว่าจะมีบุคลิกลัษณะแบบไหน เป็น คนแข็งกร้าว คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ คนที่นอบน้อมถ่อมตน หรือ คนที่คิดอะไรแบบละเอียดไตร่ตรองถี่ถ้วนที่ดูเหมือนจะขัดใจหลาย ๆ คน ทุกบุคลิกลักษณะของมนุษย์เรานั้น ไม่ได้เป็นข้อจำกัดแต่อย่างใดในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพได้ มันอยู่ที่ความสามารถ มันสมอง และความเป็นผู้นำ อย่างที่ Tim Cook แสดงให้เราได้เห็นจาก Blog Series ชุดนี้นั่นเองครับผม

References Image : https://www.wsj.com/articles/the-job-after-steve-jobs-tim-cook-and-apple-1393637952

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Death of God *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

Geek Monday EP35 : อนาคตของรถยนต์แบบบินได้

ดูจากเทรนด์ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้วนั้น เราจะพบว่า โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคของยานพาหนะบินได้ เหมือนจินตนาการที่เกิดขึ้นในหนัง Hollywood ซึ่งจากเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้เราอาจจะได้เห็นยานพาหนะบินได้จริง ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ก็เป็นได้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/30y66N7

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/3ar7l52

ฟังผ่าน Google Podcast : http://bit.ly/2GgFWVT

ฟังผ่าน Spotify :  https://spoti.fi/2TCMaHl

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/ukq2-iWFK9w

References : https://fortune.com/2016/06/09/google-billionaire-larry-page-is-secretly-funding-flying-car-startups/

Movie Review : Underwater มฤตยูใต้สมุทร

ถือเป็นอีกหนึ่งหนังที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับ Underwater มฤตยูใต้สมุทร ที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวฉีกแนวของสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้พื้นมหาสมุทร ที่ยังไม่มีใครเข้าถึงมาก่อน

หนังว่าด้วย เรื่องราวของ นอราห์ (Kristen Stewart) วิศวะเครื่องกลที่ปฏิบัติงานในแท่นขุดเจาะก้นมหาสมุทรมาเรียนาที่ลึกที่สุดในโลก แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดทำให้แท่นขุดเจาะพังเสียหายอย่างหนัก

พวกเขาต้องพยายามจะหาสาเหตุและซ่อมมันให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่พวกเขาไปปลุกมันขึ้นใต้สมุทรและจากงานที่ต้องปฏิบัติกลับกลายเป็นต้องเอาตัวรอดจากมฤตยูใต้สมุทรไม่คาดคิด

แน่นอนดูจากพล็อตเรื่องแล้ว ถือเป็นหนังที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งการได้ Kristen Stewart มารับบทนำก็ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะดำเนินเรื่องผ่านเธอเป็นตัวหลักของเรื่องทั้งหมด

แม้เนื้อเรื่องจะน่าสนใจมาก ๆ แต่ การตัดฉากมาเริ่มต้นแบบไม่มีการเกริ่นนำมาเรื่องราวมาก่อนเลย ทำให้รู้สึกตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง เพราะหนังเปิดเรื่องก็เกิดการเหตุการณ์แท่นขุดเจาะถล่มเลยทันที

ซึ่งทำให้คนดูต้องมีการประติดประต่อเรื่อง และ ที่สำคัญก็คือ ไอแท่นที่ว่านี่มันมีรายละเอียดยังไง มีจุดตั้งฐานอยู่กี่จุด หรือ นางเอกอย่างนอราห์ กำลังหนีไปจุด ๆ ไหน ทำให้เรางงกับหนังเรื่องนี้ได้ เพราะเป็นการตัดภาพมาแบบฉับพลันเกินไป ไม่เกริ่นรายละเอียดให้คนดูได้รับรู้ก่อนซักนิด

ข้อเสียอีกอย่างนึงของหนังเรื่องนี้ คือ การที่มันดำเนินเรื่องใต้น้ำ มันทำให้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ชัดเป็นอย่างมาก คือ อาจจะเป็นเพราะผู้กำกับต้องการให้เราไปสัมผัสกับประสบการณ์จริง ๆ เหมือนพยายามให้เราได้ความรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร แต่มันทำให้รายละเอียดหลาย ๆ มันไม่ชัดเจนมาก ๆ มันดูเบลอ ๆ ไปหมดทั้งเรื่อง ด้วยฉากใต้น้ำ ทั้งฝุ่น ทั้งซากปรักหักพังของแท่นขุดเจาะดังกล่าว

และไม่มีการเล่าทีไปที่มาของตัวละคร แต่ละตัวแต่อย่างใด ที่เป็นตัวหลักทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เสียดายมาก ๆ มันไม่มีเรื่องราวผ่านตัวละครนั้น ๆ ว่าพวกเขามาทำอะไรกันที่นี่ ทำหน้าที่อะไร คือ เจาะจงไปเฉพาะนางเอกเท่านั้น ทำให้เสียดายในส่วนนี้ไปมากพอสมควร

แต่ที่ทำได้ดีก็น่าจะเป็นฉากระทึกใจ ที่มาเป็นระยะ ๆ ทำให้คนดูได้มีส่วนร่วมกับความตื่นเต้นเหล่านี้ได้ดี มองดูก็เหมือนฉากตุ้งแช่ ของหนังผี นั่นเอง แต่มาในแนวสัตว์ประหลาดปริศนาที่อยู่ภายใต้ท้องทะเลลึก

ส่วนเรื่องของ Effect ต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ดี อย่างสัตว์ประหลาดตัว boss ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว เป็นการจินตนาการถึงสัตว์ประหลาดที่น่าจะอยู่ในทะเลลึกจริง ๆ ได้น่าสนใจเลยทีเดียว

แน่นอนว่าเรื่องนี้ Kristen Stewart แบกหนังแทบจะทั้งเรื่องด้วยตัวเธอคนเดียว เรียกได้ว่าเป็น ฮีโร่ ของเหล่าผู้รอดชีวิตตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบเรื่อง ส่วนคนอื่น ๆ มาเพียงแค่ประกอบเรื่องราวให้สมบูรณ์เท่านั้น แต่เธอก็ทำได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว ด้วยความแข็งแกร่งของเธอที่สามารถเป็นตัวนำเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม

สรุปก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากกับหนังเรื่องนี้ ต้องบอกว่าคาดหวังไว้สูงกว่านี้ เพราะดูพล็อตตั้งแต่ตัวอย่างหนังแล้วน่าสนใจดี แต่ก็ถือว่าดูได้ แบบไม่ต้องลุ้นอะไรมากมายเท่าไหร่ หลาย ๆ คนก็น่าจะทายตอนจบของเรื่องได้อยู่แล้ว ก็ถือเป็นหนังที่น่าสนใจที่จะได้ไปเสพงานแสดงของ Kristen Stewart ที่น่าสนใจอีกเรื่องนึงเลยทีเดียวครับ