Wang Xing กับการดรอปเรียนมาสร้างอาณาจักรส่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Meituan Dianping

หวางซิง ผู้ร่วมก่อตั้งของ Meituan Dianping ให้เครดิตกับความสำเร็จของ Facebook ในสหรัฐฯมากกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เพราะถือเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้เขาเลิกเรียนระดับบัณฑิตศึกษาและหันมาสร้างธุรกิจในประเทศจีน

ซึ่งตอนนี้ได้ทำให้บริษัทของเขาอย่าง Meituan Dianping กลายมาเป็นผู้นำในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับงานด้านบริการในจีนอยู่ในขณะนี้

Meituan ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการเสนอขายหุ้นสาธารณะครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหวางเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 พันล้านดอลลาร์ จากสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 11 ใน บริษัท

พ่อของหวางเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานปูนซีเมนต์ในเมือง Longyan ในจังหวัดฝูเจี้ยนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน แต่ต้นทุนที่พ่อเขาได้ให้มานั้นไม่ได้ทำให้หวางที่อายุยังน้อยนั้นประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายแต่อย่างใด

“ทางเลือกของหวางในการเริ่มต้นสร้างบริษัทเป็นเพราะเขาต้องการทำด้วยตัวเขาเองไม่ใช่เพื่อเงิน” พ่อของเขากล่าว “ เขาจริงจังและทุ่มเท และหวังว่าเขาจะทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม”

การเรียนปริญญาเอกด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ต้องสิ้นสุดลงกลางคัน เมื่อเขาตัดสินใจกลับมาที่ปักกิ่งในปี 2004 โดยหวางได้เช่าแฟลตใกล้กับโรงเรียนเก่าที่มหาวิทยาลัยซิงหัว ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้รับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2001

หวาง ผู้เลือกดรอปเรียนจากปริญญาเอกกลับมาสร้างธุรกิจใหม่ในจีน
หวาง ผู้เลือกดรอปเรียนจากปริญญาเอกกลับมาสร้างธุรกิจใหม่ในจีน

โครงการเครือข่ายโซเชียลเริ่มแรกของเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาหวังไว้ ซึ่งรวมถึง Duoduoyou ซึ่งหมายถึง“ เพื่อนมากมาย” และ Youzitu ที่หวางกำหนดเป้าหมายไปที่นักเรียนชาวจีนโพ้นทะเลเป็นหลัก แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

แต่ความพยายามครั้งที่สามดูเหมือนจะเริ่มเป็นผลสำหรับหวาง เมื่อเครือข่ายโซเชียล ที่มีชื่อว่า Xiaonei ซึ่งแปลว่า “ภายในมหาวิทยาลัย” เปิดตัวในปี 2005 มีผู้ใช้หลายหมื่นคนเข้ามาสมัครใช้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งคล้าย ๆ กับการเกิดขึ้นของ facebook ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา

แต่ในฐานะทีเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์หวางประสบปัญหาด้านเงินทุน นั่นทำให้เขาขาย Xiaonei ให้กับ Chen Yizhou ประธาน บริษัท อินเทอร์เน็ต China InterActive Corp ในราคา 2 ล้านเหรียญสหรัฐในปีต่อมา

Xiaonei ถูกเปลี่ยนชื่อโดยเจ้าของเป็น Renren ซึ่งแปลว่า “ทุกคน” ในภาษาจีน Renren ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น Facebook ของจีนได้ระดมทุน 740 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อ บริษัท จดทะเบียนในตลาด Nasdaq ในปี 2011

Xiaonei ก่อนแปลงร่างกลายเป็น Renren ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Facebook
Xiaonei ก่อนแปลงร่างกลายเป็น Renren ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Facebook

หวางได้ผลักดันโครงการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ microblog อย่าง Twitter ในปี 2006 ซึ่งในปีต่อมา หวาง ได้เปิดตัวเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะคล้าย Twitter ของเขาที่มีชื่อว่า Fanfou

ภายในสองปี Fanfou มีผู้ใช้หลายล้านคน อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้สั่งให้ปิด Fanfou ในปี 2009 เนื่องจากมีการโพสต์ข้อความบนไมโครบล็อกที่กล่าวถึงการจลาจลอย่างรุนแรงในหลายวันที่ Ürümqi เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

หลายเดือนหลังจากการปิดตัวของ Fanfou บริษัท สื่อออนไลน์ของจีน Sina Corp ได้เปิดตัวบริการที่คล้ายกับ Twitter อีกชื่อหนึ่งคือ Sina Weibo โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบากรุ๊ปโฮลดิ้งถือหุ้นกว่า 32% ของบริการดังกล่าว ซึ่งได้มีการจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ในปี 2014

Fanfou เปิดขึ้นในภายหลังอีกครั้ง แต่ได้ถูกระงับในการลงทะเบียนสร้างผู้ใช้รายใหม่ ซึ่งหวางเองก็ยังคงเป็นบล็อคเกอร์บน Fanfou โดยเขียนบทความมากกว่า 13,000 โพสต์ มันเป็นแพลตฟอร์มที่สะท้อนถึงปรัชญาของหวางได้อย่างดี

หวางยังคงพัฒนาโครงการต่อไปแม้จะพ่ายแพ้มามากแค่ไหนก็ตาม เขาสร้างแพลตฟอร์มในการซื้อสินค้าแบบกลุ่ม Meituan ในปี 2010 ท่ามกลางความสำเร็จของ Groupon ในสหรัฐอเมริกา 

โดยได้รับการสนับสนุนจาก Tencent Holdings ยักษ์ใหญ่ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งในที่สุดมันได้ขยายกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดของจีน สำหรับบริการแบบออนดีมานด์รวมถึงการส่งอาหารหลังจากการควบรวมกิจการกับ Dianping ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นเว็บไซต์รีวิวร้านอาหารเลียนแบบ Yelp ของอเมริกา

การรวมกิจการกับ Dianping ทำให้กลายเป็นเบอร์หนึ่งด้าน On-Demand Delivery
การรวมกิจการกับ Dianping ทำให้กลายเป็นเบอร์หนึ่งด้าน On-Demand Delivery

บริษัทที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของสิ่งที่ในอุตสาหกรรมเรียกว่า Online to Offline หรือ O2O ซึ่งแน่นอนว่าตลาดในประเทศจีนที่มีขนาดใหญ่มหาศาล การมีการเชื่อมต่อผู้บริโภคกับร้านค้าผ่านแอพ ทำให้คนจีนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกขึ้น และที่สำคัญบริการของหวางได้ช่วย และช่วยส่งคำสั่งซื้อไปยังร้านค้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสร้างอาชีพรวมถึงรายได้ทางใหม่ ๆ ให้กับเหล่าพนักงานส่งสินค้า 

Meituan ได้เปิดดำเนินงานใน 2,800 เมืองในประเทศจีนและแข่งขันกับ Ele.me ของอาลีบาบาเป็นหลักในบริการการจัดส่งตามความต้องการ (on-demand-delivery) รวมถึงยังมีบริการที่แข่งขันโดยตรงกับ Ctrip.com ในเรื่องของบริการในการจองโรงแรมที่เน้นตลาดในประเทศจีนโดยเฉพาะ

หวางเรียกเหล่าพนักงานของ Meituan ว่า“ พี่ใหญ่ซิง” ซึ่งผู้คนเหล่านี้ เป็นกลุ่มบุคคลที่สำคัญ ที่ได้ร่วมกันสร้าง บริษัทที่ให้บริการจัดส่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Meituan Dianping

โดยการนำของเขากับภรรยา Guo Wanhuai รวมถึงเพื่อนร่วมห้องที่มหาลัยซิงหัว อย่าง Wagn Huiwen ที่ทั้งสองเป็นขุนพลเคียงข้างเขาตั้งแต่การพัฒนาโปรเจคแรก ๆ อย่าง Xiaonei จนสามารถพลิกชีวิตให้พวกเขากลายเป็นมหาเศรษฐีได้จากบริการอย่าง Meituan Dianping อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับ

References : https://www.scmp.com/tech/apps-social/article/2165085/story-tsinghua-graduate-behind-chinas-meal-delivery-empire https://www.dragonsocial.net/blog/meituan-dianping-2/ https://www.asiaone.com/business/inside-story-how-meituan-dianping-built-chinas-largest-ecommerce-platform-services

Geek Monday EP28 : BBC กับการใช้ AI สร้าง Interactive Radio Show

หนึ่งในการทดลองที่นำเสนอต่อสาธารณะครั้งแรกของ BBC คือการพัฒนาโปรแกรมต้นแบบสำหรับละครเสียงแบบอินเตอร์แอคทีฟดั้งเดิม ที่ใช้ “Story Engine” ของ BBC เอง ซึ่งทำการสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับอุปกรณ์เสียง ซึ่ง Engine นี้ทำให้ง่ายต่อการเผยแพร่เรื่องราวเดียวกันในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม

โดยในความร่วมมือกับ Rosina Sound บริษัทด้านเทคโนโลยีเสียง ได้สร้างโปรแกรมที่มีชื่อว่า The Inspection Chamber โดยเป็นละครเสียงอินเตอร์แอคทีฟที่ ผู้ฟังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว เมื่อมีการสตรีมผ่าน Amazon Echo หรือ Google Home โดยผู้ฟังสามารถแทรกบทของตัวเองลงในเรื่องได้ ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร  โดยทีมพัฒนาคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าจะขยายไปสู่อุปกรณ์ที่เปิดใช้งานเสียงอื่น ๆ ในอนาคต

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/2OpypHE

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast : http://bit.ly/2CTikot

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2NUnMOd

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/ua6Dr5T6hCc

References : https://www.bbc.co.uk/rd/blog/2017-09-voice-ui-inspection-chamber-audio-drama https://www.rosina.io/about https://www.bbc.co.uk/taster/pilots/inspection-chamber/inside-story

Sample Show : http://www.bbc.co.uk/rd/blog/2017-09-voice-ui-inspection-chamber-audio-drama

Movie Review : Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร

ถือเป็นหนังหนึ่งในหนังจีนฟอร์มยักษ์ ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร ที่รวมเอาดาราหน้าใหม่ที่กำลังเป็นกระแสคลั่งไคล้สำหรับสาว ๆ ในไทยอย่าง เซียวจ้าน นักแสดงหนุ่มที่กำลังฮอตสุดจาก ซีรี่ยส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed) มารับบทนำในหนังฟอร์มใหญ่เรื่องนี้

โดย JADE DYNASTY เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ดัดแปลงจากนิยายขายดีจากจีน“จูเซียน กระบี่เทพสังหาร” หรือ “Jade Dynasty” หรืออีกชื่อ “The Attack of Heaven” นวนิยายชื่อดัง ที่เขียนโดย “เสี่ยวติง” (Xiao Ding) มียอดขายบนอินเตอร์เน็ตอันดับหนึ่ง ในปี 2005 และมียอดขายติด TOP5 ในปี 2006 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ และเกมส์ออนไลน์ จนล่าสุดกับฉบับภาพยนตร์ที่ Golden A Entertainmnet ที่ได้นำเข้ามาฉายในประเทศไทย

เรื่องราวของเด็กชายกำพร้าที่รอดตายจากโศกนาฏกรรมจากหมู่บ้านของเขา แม้พ่อแม่จะถูกฆ่าตายหมด แต่เขาได้รับความช่วยเหลือและได้พบกับอาจารย์สอนและฝึกฝนวิชาจากสำนักชิงหยุน แต่เมื่อความลับของการตายของพ่อแม่เขาได้ปรากฏ

เขาจึงออกตามล่าศัตรูเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขาที่จากไป โดยภาพยนตร์ Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร ที่ได้เปิดตัวด้วยรายได้ถล่มบ็อกออฟฟิตในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรก

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียวกับหนังฟอร์มใหญ่จากจีนที่นาน ๆ จะเข้ามาบ้านเราทีในยุคนี้ หลังจากหมดยุคของหนังฮ่องกง ที่อดีตเคยรุ่งเรือง แต่ตอนนี้แทบจะไม่ค่อยมีเข้ามาฉายในบ้านเราอีกแล้ว

ส่วนหนังจีน โดยเฉพาะที่ดัดแปลงจากนิยายนั้นผมก็ต้องยอมรับตามตรงเลยว่า ไม่ได้ตามมานานแล้วว่าเค้าพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว ยังจำภาพเก่า ๆ ติดตาอยู่ตอนสมัยเด็กที่ ฉากมันไม่ได้เว่อร์วังอลังการมากมาย และเน้นเนื้อหาของเรื่องเป็นหลักอย่างที่ มังกรหยก เคยประสบความสำเร็จในไทยที่ Remake กันทุกรอบก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีของแฟนชาวไทย

การได้เข้าไปดูเรื่องนี้ก็ไม่ได้คาดหวังมากมายในตอนแรก เพราะอยากรู้ว่าหนังจีนตอนนี้ได้พัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว ภาพเก่า ๆ ที่เคยจำ มันยังอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และแม้ยังไม่เคยดูซีรียส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร มาก็ตาม แต่ก็อยากรู้ว่าทำไม เซียวจ้าน เค้าถึงดังได้ถึงขนาดนี้โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่จะเทไปฝั่งเกาหลีเสียมากกว่า

แต่หลังจากได้ดูเรื่องนี้จบ ต้องบอกว่า เป็นหนังที่เซอร์ไพรซ์ผมเป็นอย่างมาก เพราะดูแล้วมันสนุกมาก ฉากในเรื่องยิ่งใหญ่อลังการ CG Effect ต่าง ๆ ทำออกมาได้ไม่แพ้ระดับฮอลลีวู้ด เลยทีเดียว

มันเป็นหนังที่มีส่วนผสมที่ลงตัว ทั้งภาพจำของหนังจากนวนิยายยุคเก่า การดำเนินเรื่องแบบใหม่ ด้วยเทคนิคการถ่ายทำรูปแบบใหม่ ๆ นักแสดงที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะตัวเอกอย่าง เซียวจ้านเองนั้น ต้องบอกว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม

หนังมันดูสนุกจริง ๆ มีทุกอารมณ์ ทั้งเรื่องราวดรามา ของพระเอก ทั้งเรื่องความรัก ทั้งเรื่องครอบครัว ความเป็นพี่น้อง ทุกอย่างถูกถ่ายทอดเรียบเรียงออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ฉากการต่อสู้สุดอลังการ ที่รับรองจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ที่สำคัญ มีแฝงมุกตลก มาคอยสอดแทรกอย่างต่อเนื่อง มันเป็นตลกแบบธรรมชาติที่จะพาคุณหัวเราะไปตลอดแทบจะทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่มีครบทุกรสชาติเรื่องนึงเลยทีเดียว ไม่คิดว่าหนังจีนจะพัฒนามาก้าวไกลได้ขนาดนี้

ต้องบอกว่าความเห็นส่วนตัว ถือว่าประทับใจหนังเรื่องนี้มาก แม้จะไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากมายหนักง แต่ออกจากโรงยังรู้สึกถึงความอิ่มเอม ที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้ ผมว่าเป็นหนึ่งในหนัง ณ ช่วงเวลานี้ ที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยครับสำหรับ Jade Dynasty หรือ กระบี่เทพสังหาร แล้วคุณจะพบว่าตอนนี้หนังจีนนั้นมีการพัฒนาไปมาก จนน่าสนใจเลยทีเดียวครับผม

*** ปล. ผมดูจากหนัง sountrack subthai นะครับ รู้สึกว่าภาคไทยนั้นก็สนุกไม่แพ้กันสำหรับหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้ดูรีวิว ในโลกออนไลน์มาครับผม ***

DARPA กับนวัตกรรมการตรวจจับระเบิดใหม่ด้วยแบคทีเรีย

การตรวจจับวัตถุระเบิดใต้ดินเป็นเรื่องยากเพราะแน่นอนว่าเราไม่สามารถเห็นพวกมันถูกฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งการตรวจจับนั้นก็ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อลดการสูญเสียในเหตุก่อการร้ายหรือสงครามที่จะเกิดขึ้น

และนั่นเป็นเหตุให้กองทัพมีทางเลือกน้อยในการตรวจหาทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดใต้ดิน แม้จะมีทางเลือกในการฝึกสุนัขหรือหนูเพื่อสูดดมพวกมันได้ แต่นั่นทำให้ชีวิตของสัตว์มีความเสี่ยง และหุ่นยนต์ตรวจจับทุ่นระเบิดนั้นมีราคาแพงและมีขนาดใหญ่เกินไป

แต่ตอนนี้ทหารสหรัฐได้ทำการสำรวจอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะใช้ในการตรวจจับระเบิด:  glowing gene-edited bacteria.

สำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ให้นักวิจัยที่สถาบันวิจัยโพลีเทคนิคแห่งวูสเตอร์และ บริษัทด้านเทคโนโลยีการป้องกันเรย์ธ ทำการวิจัยในการใช้แบคทีเรียเพื่อตรวจจับระเบิด

ความคิดที่ Raytheon เขียนไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ คือการดัดแปลงพันธุกรรมของแบคทีเรียสองชนิด หากประเภทแรกสัมผัสกับวัตถุระเบิดใต้ดินมันจะแจ้งประเภทที่สองให้เรืองแสงบนพื้นดินซึ่งจะดึงดูดความสนใจของกล้องหรือโดรนที่อยู่ใกล้เคียง

อัลลิสัน แทกการ์ต นักวิจัยหลักของโครงการนี้ได้แถลงข่าวว่า นักวิจัยทราบแล้วว่าเป็นไปได้ที่จะใช้แบคทีเรียเพื่อตรวจจับวัตถุระเบิด แต่ทีมต้องคิดหาวิธีควบคุมความสามารถนั้น ให้มีประสิทธิภาพในการตรวจจับระเบิดมากยิ่งขึ้น .

“ เรากำลังตรวจสอบวิธีการในการนำแบคทีเรียไปยังชั้นใต้ดินที่ต้องการ” แทกการ์ต อธิบาย“ จากนั้นจะทำการส่งแสงที่เรืองแสงขึ้นสู่พื้นผิวเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย”

หากนักวิจัยประสบความสำเร็จในไม่ช้าทหารอาจมีวิธีการตรวจจับวัตถุระเบิดประมาณ110 ล้านชิ้นที่อยู่ใต้ดินโดยไม่ทำให้ทหารสัตว์หรือหุ่นยนต์ตกอยู่ในความเสี่ยงได้นั่นเอง

References : https://newatlas.com/good-thinking/bacteria-genetically-engineered-reveal-buried-explosives/ https://sputniknews.com/science/201911121077290191-us-develops-bacteria-strains-to-detect-bombs-hidden-underground–raytheon/