นักวิทยาศาสตร์เตือนมนุษย์จะสูญพันธุ์จากปัญหา Climate Change

นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 11,000 คนใน 153 ประเทศได้รับรองแถลงการณ์ที่เพิ่งตีพิมพ์ใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้คนไม่ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามที่อาจทำให้มนุษย์สูญพันธ์ุเลยเสียด้วยซ้ำ

“ วิกฤตสภาพภูมิอากาศมาถึงแล้วและเร่งเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้” จากรายงาน “ มันรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งคุกคามระบบนิเวศธรรมชาติและชะตากรรมของมนุษยชาติ”

เนื้อหาที่ถูกตีพิมพ์ในวันอังคารที่ผ่านมา ในวารสาร BioScience ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแนวโน้มของสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุน

นอกจากนี้ในรายงานยังรวมถึงการกระทำที่เป็นรูปธรรมที่เหล่ามนุษยชาติทุกคน ควรจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยวิธีการหลัก ๆ ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกเสนอ โดยเร่งด่วน คือการแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยพลังงานหมุนเวียน

“ เราประกาศอย่างชัดเจนว่าดาวเคราะห์โลกกำลังเผชิญภาวะฉุกเฉินขั้นวิกฤติทางสภาพภูมิอากาศ” นักวิทยาศาสตร์กล่าว “ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนเราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา  ซึ่งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีที่สังคมโลกของของเราทำกับระบบนิเวศทางธรรมชาติที่รุนแรง ๆ อย่างมากในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา”

และช่วงเวลาของการประกาศของแถลงการณ์ดังกล่าวจากนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนนั้นมีความเหมาะสมด้วยเหตุผลสองประการ

อย่างแรกคือในปีนี้เป็นวันครบรอบ 40 ปีของการประชุมสภาพภูมิอากาศโลกครั้งแรก และเพียงหนึ่งวันก่อนที่จะมีการตีพิมพ์แถลงการณ์ฉบันนี้นั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาได้แจ้งให้สหประชาชาติทราบอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาต้องการยกเลิกข้อตกลงด้านภูมิอากาศในปารีส

ซึ่งนั่นถือเป็นความหวังที่ดีที่สุดของมนุษยชาติในการหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะทำให้มนุษย์เราถึงคราวสูญพันธุ์ได้ ตามที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้นั่นเอง

References : https://www.sciencealert.com/a-monumental-alliance-of-world-scientists-declare-a-climate-emergency https://askopinion.com/how-serious-is-climate-change

Movie Review : Dew ดิว ไปด้วยกันนะ

ถือเป็นหนังไทย ที่ไม่เป็นกระแสเท่าที่ควร สำหรับหนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับ รักแห่งสยาม อย่าง คุณ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล อย่าง ดิว ไปด้วยกันนะ ที่ได้พระเอกเบอร์หนึ่งจากช่อง 7 อย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ มารับบทนำ

ปีนี้ต้องบอกว่าหนังไทยที่ผลงานเปรี้ยงปร้างนั้น ถือว่าน้อยมาก ๆ หนังล่าสุดอย่าง ไบค์แมน 2 ที่ผมเข้าไปดูก็ต้องบอกว่าผิดหวังเป็นอย่างมาก เลยไม่ได้มารีวิวให้รับฟังกัน เพราะ มันแทบจะไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย

มันเลยทำให้ผมค่อนข้างที่จะลังเลกับหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าอย่าง ดิว ไปด้วยกันนะ ซึ่งดูจากชื่อเรื่อง ต้องบอกตามตรงว่ามันไม่น่าดึงดูดใจคอหนังเลยด้วยซ้ำ ไม่น่าจะตั้งชื่อนี้เป็นชื่อหนัง เพราะมันไม่ได้ทำให้น่าสนใจ และเมินเฉยไปเลยด้วยซ้ำในช่วงแรก ๆ ที่เข้าฉาย

แต่ด้วยพลังขอ M Pass ที่ผมเพิ่งสมัครไปของเครือเมเจอร์ ก็ถือโอกาสขอเข้าไปดูซักหน่อย ซึ่งก็เซอร์ไพรซ์ เล็กน้อย เมื่อรอบที่ผมดูนั้น คนแทบจะเต็มโรง ซึ่งงงว่ากระแส ไม่เห็นจะมีแถมโรงฉายยังน้อย คิดว่า คงจะจากไปแบบเงียบ ๆ เหมือนเรื่องอื่น ๆ ซะอีก แต่แปลกที่คนเต็มโรง

มาเข้าในส่วนของเนื้อเรื่อง ดิว ไปด้วยกันนะ จะดำเนินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ปางน้อย ใน ปี พ.ศ. 2539 ของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี สองคนที่ชื่อ ดิวกับภพ ที่เป็นคนใกล้ชิดกัน แต่ก็ต้องปกปิดไว้เนื่องจากสังคม ณ ตอนนั้นยังไม่ยอมรับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน จนหลังจากนั้นอีก 23 ปีถัดมา ในปี พ.ศ. 2562 ภพได้กลับมายังปางน้อยอีกครั้ง

และเมื่อไปลองค้นหาข้อมูลมา พบว่าหนังเรื่องนี้ ค่าย ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้ให้บทภาพยนตร์ต้นฉบับกับคุณมะเดี่ยว โดยอิงจากบทภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Bungee Jumping of Their Own

ซึ่งบทดั้งเดิมเป็นเรื่องราวของอดีตหนุ่มสาวที่ไม่สมหวัง แต่ในบทที่คุณมะเดี่ยวแก้ไข เป็นเรื่องของดิวและภพ สองเด็กชายวัยมัธยมปลายในปางน้อย ซึ่งคุณมะเดี่ยวได้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้จากภาพส่วนหนึ่งของความทรงจำตัวเอง และช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตที่เห็นเพื่อนที่มีความหลากหลายทางเพศต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองไปเพราะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ทำให้ในเรื่องนี้ไม่ได้ตรงกับหนังต้นฉบับมากนัก

หลังจากดูจบ ต้องบอกว่าเป็นหนังไทยที่น่าประทับใจที่สุดเรื่องนึงเลยทีเดียว การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครแต่ละตัวนั้น ต้องบอกว่าทำได้ดีมาก ๆ ทั้งช่วงวัยเด็ก และ วัยโตที่คุณเวียร์มารับบทภพ ในตอนปี 2562

เราจะได้ซึมซับไปกับบรรยากาศเมืองปางน้อย ที่ดูน่าอบอุ่น ประกอบกับ บทที่ทำมาได้ค่อนข้างดีมาก ๆ แทบจะไม่มีช่วงที่น่าเบื่ออยู่เลย แม้หนังจะยาวถึงกว่า 2 ชั่วโมงก็ตาม แม้จะเป็นความรักระหว่างชายกับชายก็ตาม แต่มันถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ และที่สำคัญเราจะย้อนวัยกลับไปในยุค 90 ที่มีอุปกรณ์อย่าง วอร์คแมน เพจเจอร์ ที่ย้อนความทรงจำในวัยเด็กของเราได้ดีทีเดียว (หากคุณเกิดทันยุคดังกล่าว)

ซึ่งความเห็นส่วนตัวนั้น ผมมองว่าหนังเรื่องนี้ ทำได้ดีกว่า รักแห่งสยาม เสียอีก ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ทำไมมีฉายน้อยโรงเช่นนี้ ทั้งที่เป็นหนังไทยที่ทำมาดีมาก ๆ เรื่องนึงเลยทีเดียว ทั้ง location ทั้งเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้ลงตัว การถ่ายทอดการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงทั้งหมด

และที่สำคัญคือบทสรุปของหนัง ที่ทำออกมาได้ดีมาก ผมไม่แน่ใจว่า มาจากบทของเกาหลีเรื่อง Bungee Jumping of Their Own หรือเปล่า แต่ต้องบอกว่า เป็นเรื่องราวที่ลงตัว มีความกลมกล่อม ไม่เสียดายเลยที่ได้เข้าไปดูหนังเรื่องนี้

ผมว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ควรจะอุดหนุนมาก ๆ สำหรับหนังไทย ที่แทบจะมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่อง ดิว ไปด้วยกันนะ ก็แสดงให้เห็นว่า หนังไทย ก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะใช้ทุนการสร้างไม่สูง แต่การที่บททุกอย่างมันลงตัว มันก็ทำให้หนังออกมาดีมาก ๆ อย่างที่เราจะได้เห็นกันจากหนังเรื่องนี้ ผมว่าสุดสัปดาห์นี้ เพื่อน ๆ ไม่ควรที่จะพลาดหนังดี ๆ อย่าง ดิว ไปด้วยกันนะ กันนะครับ รับรองว่าคุณจะออกจากโรงด้วยความสุขอย่างแน่นอนครับผม

References : https://th.wikipedia.org/

Youtube Premium กับก้าวสำคัญของ Google ในตลาด Streaming

ต้องบอกว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาด Streaming ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่ได้ทำการเปิดตัว Youtube Premium ที่เป็นบริการแบบ Subscription ที่จะไม่มีโฆษณามากวนใจผู้ใช้งานอีกต่อไป

ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานหลายคนทั่วโลก ก็กำลังรอคอย Features นี้กันอยู่ และเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาด Streaming แบบ Subscription อย่างเต็มตัวของ Google หลังจากที่ปล่อยให้ยักษ์ใหญ่หลาย ๆ ราย เข้าไปกอบโกยมาก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Apple , Spotify หรือแม้กระทั่ง Netflix เองก็ตาม

แต่ด้วยฐาน Content ที่มหาศาลของ Youtube เอง ซึ่งมีทั้ง VDO และ Music เป็นฐานเดิมที่มีอยู่มหาศาลอยู่แล้วนั้น ต้องบอกว่าการเข้ามาของ Google ครั้งนี้ จะทำให้ตลาดกลับมาเดือดอีกครั้ง

การเปิดตัวราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง ด้วยค่าบริการรายเดือนเพียงแค่ 179 บาท/เดือน หรือ 239 บาท/เดือน สำหรับ Family Package นั้นต้องบอกว่า เป็นการทำราคามาอย่างดีมาก ๆ ซึ่ง เมื่อดูจาก Family Package ที่สามารถใช้งานได้ถึง 6 คน ตกเฉลี่ยคนละ 39.8 บาทเพียงเท่านั้น ถือเป็นตัวเลขค่าบริการที่น่าสนใจและน่าดึงดูดใจมาก ๆ สำหรับสมาชิกชาวไทย

ซึ่งเท่าที่ผมได้ทดลองใช้งาน นั้นถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เมื่อได้ทั้งบริการ Vdo Streaming จาก Youtube เอง ที่สามารถเล่น VDO ใน youtbe โดยไม่ต้องมีโฆษณาคั่น ซึ่งผมก็ค่อนข้างรำคาญมานานแล้วหลังจากถูกรุกหนักจากโฆษณาที่เข้ามาแบบไม่หยุดหย่อนในช่วงหลัง

และที่สำคัญ Youtube Premium เองยังเพิ่มในส่วนของ Original Content ที่เป็นแบบ VDO ทั้ง Series , สารคดี หนัง การ์ตูน เข้ามาอีกมากมายให้ได้เลือกชมกันนั้น ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ กับเงินที่เสียไปเพียงเท่านี้ แถมยังสามารถที่จะให้ run แบบ background เหมือนโปรแกรม Music Streaming อื่น ๆ ได้เสียที ไม่ต้องเปิดหน้าจอค้างไว้อีกต่อไป

เพิ่ม Original Content เข้าไป เพื่อดึงดูด ให้มาใช้งาน
เพิ่ม Original Content เข้าไป เพื่อดึงดูด ให้มาใช้งาน

และส่วนของ Youtube Music ที่เป็น App แยกออกมานั้น เรียกได้ว่า สู้กับ Music Streaming เจ้าอื่น ๆ ได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็น Apple Music หรือ Spotify เองก็ตาม เพราะสิ่งสำคัญคือฐาน Content เดิมที่ Youtube มีอยู่จำนวนมหาศาลอยู่แล้วนั่นเอง

ถ้าถามว่าศึกครั้งนี้ใครเหนื่อยสุด ก็ต้องมองไปที่ Spotify ได้เลย เพราะมีแค่บริการ Music Streaming ที่มีจุดเด่นด้าน Playlist ที่ใช้ AI มาช่วยเหลือสร้าง Playlist ที่น่าสนใจได้มากมาย

แต่ ๆ ๆ ๆ ถามว่าความเทพของวิศวกร ของ Spotify กับ Google นั้นต้องบอกว่า Google มีขุมกำลังระดับอัจฉริยะ ที่มีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะด้าน AI ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่า Google จะทำอย่างที่ Spotify ทำไม่ได้

เพราะเท่าที่ลองได้ทดสอบนั้น ระบบ AI ในการจัดการ Playlist ของ Youtube Music แทบจะไม่ได้ต่างจากที่ Spotify ทำได้เลย แถมยังจะเทพกว่าด้วยซ้ำ หากใช้ไปนาน ๆ และ Google มีข้อมูลมากพอที่จะมา Analyze ซึ่งความสามารถของทีมงาน Google ผมมองว่ากินขาด ถ้าเทียบกับ Spotify

Youtube Music ที่ออกมาชน Spotify โดยเฉพาะ
Youtube Music ที่ออกมาชน Spotify โดยเฉพาะ

ส่วน Apple Music นั้นก็คงจะไม่ได้ effect อะไรมากมาย เพราะเหมือนเป็นบริการที่แถมให้กับผู้ใช้งานอุปกรณ์ของ Apple เสียมากกว่า Apple ก็คงจะไม่ได้หวังอะไรกับ บริการ Streaming ของพวกเขามากนัก เพราะกำไรหลักของพวกเค้าอยู่ที่ hardware มากกว่า

ซึ่งแน่นอน เราอาจจะเห็นความเป็นไปได้ว่า Spotify นั้น น่าจะได้รับผลกระทบหนักจากการเปิดตัวของ youtube premium ครั้งนี้ แถม Spotify ยังสร้างเรื่องจุกจิก อย่างใน Family Plan ที่ต้องมาเช็ค location ว่าต้องอยู่ที่เดียวกันให้วุ่นวายเสียอีก ซึ่งแน่นอนว่า ฐานผู้ใช้งานส่วนนี้ก็มีโอกาสที่จะย้ายไป Youtube Premium ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลองทดสอบดูแล้วว่า ทั้งสองบริการนั้นไม่ได้ต่างกันเลยในด้าน Music Streaming แต่ Youtube แถมส่วนของบริการ VDO ให้อีก ถือว่าคุ้มค่ากว่า Spotify มาก

ต้องมาดูกันต่อไปว่า Spotify จะปรับเกมมาสู้อย่างไร ในศึก Streaming ครั้งนี้ แต่ที่แน่ ๆ สังเวียนการแข่งขันในศึก Streaming จะกลับมาเดือดอีกอย่างแน่นอนหลังจากการเข้ามาของ Google ผ่าน Youtube Premium ในครั้งนี้นั่นเองครับ

*** ตอนนี้มีบริการใช้ Free 1 เดือน ไปทดสอบกันได้ครับผมที่ https://www.youtube.com/premium ***

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol