Movie Review : Maleficent 2 Mistress of Evil (มาเลฟิเซนต์ 2)

ต้องบอกว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของ Disney ที่แฟน ๆ หลายคนรอชมเลยทีเดียวสำหรับ Maleficent 2 Mestress of Evil ( มาเลฟิเซนต์ 2 ) หลังจากภาคแรกนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงปี 2014 กวาดรายได้ไปอย่างมหาศาลและกลายเป็นกระแสฮอตอยู่ช่วงนึงเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องราวในภาคที่ 2 ที่จะเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนั้น เกิดขึ้น หลังจากที่มาเลฟิเซนต์ (แองเจลิน่า โจลี่) เป็นแม่ทูนหัวของเจ้าหญิงออโรร่า (แอล ฟานนิ่ง) และอาศัยอยู่ด้วยกันที่อาณาจักรมัวส์ ออโรร่ากลายเป็นราชินีผู้ปกครอง ทางด้านเจ้าชาย ฟิลลิปส์(แฮริส ดิคคินสัน) ก็ได้ขอเจ้าหญิงออโรร่าแต่งงาน มาเลฟิเซนต์ไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยอมไปร่วมงานเลี้ยงรับเชิญของพระราชา และราชินี แห่งเมืองอัลสเตด เพราะความรักที่มีต่อออโรร่า

แต่ราชินีอิงกริด(มิเชล ไฟเฟอร์) กลับพูดจายั่วยุจนทำให้มาเลฟิเซนต์โมโห จึงระเบิดพลังออกมาทำให้ประชาชนต่างหวาดกลัวและมองว่าเธอเป็นปีศาจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของภาคนี้นั่นเอง

แม้จะไม่ใช่เป็นแฟนหนังสไตล์นี้เท่าไหร่ แต่พอดีได้มีโอกาสดูภาคแรกมาแล้ว ก็เลยอยากจะสานต่อในภาคจบ ภาคนี้ ให้เห็นความสมบูรณ์ทั้งหมดของเรื่อง ว่าจะมีการดำเนินไปถึงบทสรุปของหนังอย่างไร

สิ่งที่ประทับใจ อย่างแรก เลยคือ เรื่องของ CG งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ทั้งหมด ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า Disney นั้นมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมเหมือนเคย สามารถสร้าง CG ชั้นยอดประกอบหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีข้อตกบกพร่อง ตามมาตรฐานของ Disney

แต่แม้หนังเรื่องนี้จะพยายามเล่นใหญ่ ให้กลายเป็นสงครามเปรียบเสมือนสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ เหมือนหนังหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เด็กดูได้ จึงไม่ได้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันแบบโหด ๆ เหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ ทำให้ลดความสนุกในส่วนนี้ลงไปมาก

แต่การที่พยายามยืดหนังออกไปมากเกินไปนั้น ทำให้ช่วงกลางเรื่องของหนัง มันเริ่มดูน่าเบื่อ เพราะการดำเนินเรื่องแบบเรียบง่ายเกินไป เนื้อหามันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ความจริงหนังไม่ควรจะทำมามีความยาวเกือบสองชั่วโมง เพราะดูจากเนื้อเรื่องแล้ว มันไม่มีอะไรมากกว่าหนังทั่วไป ที่ควรจะจบภายในเวลา ไม่เกินชั่วโมงครึ่งเสียด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม โดยรวมนั้น ก็ถือว่าหนังยังคงความสนุกอยู่ ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้สนุกไม่แพ้ภาคแรก มีการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของ เผ่า ดาร์กเฟย์ ซึ่งเราจะได้ท่องไปในอีกโลกหนึ่ง ผ่าน CG ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับแฟน ๆ Disney นั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดครับ และที่สำคัญถ้ามีโอกาสก็อยากให้ดูในระบบ IMAX ไปเลยเพราะหนังเรื่องนี้ทำ CG ออกมาได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ

งานวิจัยใหม่กับการปลูกถ่ายอวัยวะช่วยเหลือคนหูหนวก

การปลูกถ่ายเครื่องช่วยฟังหลายคนจะไม่ช่วยคนที่มีปัญหาหูชั้นในหรือปัญหาเกี่ยวกับประสาทหู แต่การปลูกถ่ายก้านสมองแบบเดิม ๆ นั้นมักจะทำงานไม่สมบูรณ์บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามในไม่ช้าอาจมีทางออกที่ดีกว่าด้วยงานวิจัยใหม่ 

นักวิจัยได้ออกแบบอุปกรณ์ฝังอิเล็กโทรดที่สามารถปรับความเสียหายของหูชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย, โดยใช้วัสดุอย่างทองคำขาวที่มีความยืดหยุ่น  และเมื่อห่อด้วยซิลิโคนจะมีการนำไฟฟ้าสูง แต่สามารถเกาะติดกับก้านหูอย่างแน่นหนาและส่งสัญญาณที่ตรงเป้าหมายมากกว่าในการปลูกถ่ายรูปแบบเดิม ๆ

นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการทดสอบกับการปลูกฝังหนู แต่ก็ยังมีหนทางอีกยาวไกล ทีมเพิ่งสร้างอุปกรณ์ที่มีขนาดสำหรับใช้ในมนุษย์ที่เหมาะสำหรับการผ่าตัด และจะต้องผ่านการศึกษาเพิ่มเติมก่อนที่การทดลองของมนุษย์จะเริ่มขึ้นจริง 

แม้ว่าจะให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูในการได้ยิน แต่จะช่วยฟื้นฟูการรับรู้เสียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้งานที่เป็นไปได้ในส่วนอื่น ๆ ซึ่งอาจรวมถึง สมอง กระดูกสันหลัง และที่อื่น ๆ ที่แพทย์ต้องการที่จะกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทนั่นเองครับ

References : https://www.engadget.com/2019/10/20/soft-platinum-hearing-implants/ https://2rdnmg1qbg403gumla1v9i2h-wpengine.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/sites/3/2019/07/cochlearImplant-464470338-770×553-650×428.jpg

BCI อาจะทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ผ่านกระแสจิต

งานวิจัยล่าสุดอาจจะทำให้เราสามารถที่จะสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองผ่านกระแสจิตได้สำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยี อินเตอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมอง (Brain Computer Interface-BCI) ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าครั้งล่าสุดที่เป็นส่วนสำคัญของรายงานฉบับใหม่ เกี่ยวกับเทคโนโลยีปลูกถ่ายประสาทเทียมโดย Royal Society ซึ่ง เป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร

โดย เอกสารนี้ได้รายงานการ เชื่อมต่อส่วนต่าง ๆ ของสมองกับคอมพิวเตอร์ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งตอนนี้สามารถทำให้เป็นไปได้ แต่ก็ได้มีการเตือนว่าการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์นั้นอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง

“ ไม่เพียง แต่ความคิด หรือ ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสเท่านั้น ที่สามารถสื่อสารจากสมองสู่สมอง”  “ ตอนนี้เทคโนโลยีมันทำให้สามารถส่ง “ข้อมูลอะไรก็ตาม” ของสิ่งที่พวกเขาเห็น ได้ยิน หรือชิมเข้าไป และส่งผ่านกระแสจิต เข้าไปในสมองของเพื่อนที่บ้านได้”

เพื่อให้แน่ใจว่าการปลูกฝังระบบประสาทเหล่านี้ในอนาคตจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของผู้คนและสังคมอย่างถูกต้องที่สุด , Royal Society กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบในเทคโนโลยีดังกล่าวก่อนที่จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์จริง ๆ

มิฉะนั้นบริษัทเอกชน เช่น Facebook ที่ทำงานอยู่ในระบบของตัวเอง ก็จะสามารถกำหนดวิธีการในการใช้เทคโนโลยีตามเงื่อนไขของตนเองได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมูลดังกล่าวนั้นสามารถส่งผ่านคลื่นสมองออกไปได้ง่าย ๆ นั่นเอง

“พวกเขาอาจจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากในสหราชอาณาจักรและเปลี่ยนแปลงสุขภาพของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงประโยชน์ในการดูแลสังคมที่ดีขึ้นนั่นเอง” วิศวกร จาก อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน Christofer Toumazou กล่าว “ แต่หากการพัฒนาได้รับการกำหนดโดยบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีข้อมูลมหาศาล และเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง และเป็นเหตุผลที่เรากำลังเรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มการสอบสวนเรื่องราวเหล่านี้ในระดับนานาชาติ”

References : https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/brain-computer-interface-neuralink-elon-musk-telepathy-a9097821.html https://michellepetersen76.files.wordpress.com/2017/10/advanced-artificial-limbs-mapped-in-the-brain-neuroinnovations.jpeg?w=585&h=280&crop=1

Movie Review : Wounds สัญญาณสั่งตาย

ต้องบอกว่าเป็นหนังที่นำเอา Trailer มาหลอกเราแบบเต็ม ๆ สำหรับหนังเรื่องใหม่ใน netflix อย่าง Wounds สัญญาณสั่งตาย ที่บังเอิ๊ญ ผมได้เห็นผ่าน Suggestion ของ netflix และต้องขอลองดูหน่อย โดยที่แทบจะไม่ได้ดูข้อมูลของหนังเรื่องนี้มาก่อนจากแหล่งใด ๆ

สำหรับ เรื่องย่อ ของหนังเรื่องนี้ว่าด้วย หลังมีเหตุทะเลาะวิวาทกันรุนแรงที่บาร์ ซึ่งเมื่อ วิล บาร์เทนเนอร์หนุ่ม เก็บกวาดร้าน วิลได้เก็บโทรศัพท์ของลูกค้าไว้ได้ แต่โทรศัพท์ลึกลับเครื่องนี้ กลับส่งข้อความแปลกๆน่าสงสัย และมีภาพกับคลิปที่น่าสะพรึงกลัว ท่ามกลางความค่อนแคะความสัมพันธ์ของแฟนสาวกับท่าทีของวิล วิลกำลังดำดิ่งสู่ด้านมืด โทรศัพท์ผีสิงกำลังทำให้เขาเสียสติ หลอนจิตวิปลาส และเขาต้องรีบหาทางหยุดฝันร้ายหลอกหลอนนี้ให้ได้

หาก ดูเรื่องย่อ เหมือนจะสนุกใช่มั๊ยครับ? แต่เปล่าเลย หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมได้ดูมาใน netflix เลยก็ว่าได้ (ความเห็นส่วนตัว) เสียดายการแสดงของ Dakota Johnson มาก คือเห็นเธอแสดงนำ ก็เลยว่าจะขอแว๊บดูหน่อย

แต่ต้องบอกว่า ผิดหวังมาก ๆ กับหนังเรื่องนี้ เพราะ เนื้อเรื่องมัน สะเปะสะปะ มั่วไปหมด มันแทบจะไม่มีแก่นใด ๆ ของหนังให้เราเข้าใจเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าหนังพยายามทำให้มันน่ากลัว ด้วยเรื่องสยองจากโทรศัพท์

แต่มันก้ไม่มีอะไรเป็นจุดเชื่อมต่อเลย แถมดำเนินเรื่องแบบวกไปวนมา จนงง ซึ่งแน่นอนหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ไปหาข้อมูลดูก็พบว่า ทุกคนบนโลกออนไลน์พูดเป็นเสียงเดียวกัน คือ งง!

และสุดท้าย อยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปแบบอึ้ง ๆ ทิ้งความหวังไว้กับคนดูว่า น่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ มันจบแล้วจริง ๆ เหรอ? นั่นคือ คำถามที่คุณจะพบหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแรก ที่ ไม่แนะนำให้ดูเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นการเสียเวลา กว่า 1 ชม. ครึ่ง ที่เปล่าประโยชน์ที่สุดครั้งนึง สำหรับตัวผมเองเลยทีเดียว

PayPal Wars ตอนที่ 10 : To The Brink

FEBRUARY—JUNE 2002

สืบเนื่องจากคามเจ็บช้ำที่ถูก PayPal ปฏิเสธการเข้าซื้อไปแบบไร้เยื่อไย ทาง Meg Whitman CEO ของ ebay ก็ได้จ่ายเงิน 43.5 ล้านเหรียญ เพื่อเข้าซื้อหุ้น 35% จาก Wells Fargo ใน Billpoint ทันที เรียกได้ว่าเป็นการพลิกเกมอย่างรวดเร็วของฝั่ง ebay เพื่อมาทุ่มกับ Billpoint แบบสุดตัว หรืออีกนัยหนึ่งนั่นคือการบีบ PayPal ให้ยอมขายกลาย ๆ นั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นการส่งสัญญาณไปยัง PayPal อย่างชัดเจน ว่าตอนนี้ ebay เป็นเจ้าของ Billpoint อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และยังสามารถกำหนดกลยุทธ์หลักของบริษัทได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องปรึกษากับ Wells Fargo เหมือนในอดีตอีกต่อไปนั่นเอง

และประเด็นข้อถกเถียงเรื่องสำคัญ ในเรื่องการกำหนดว่าบริการอย่าง PayPal หรือ Billpoint นั้นเป็นธนาคารพาณิชย์ หรือไม่ ก็ยังไม่มีการตัดสินให้เด็ดขาด รัฐหลุยเซียน่าตีความบริการดังกล่าวเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งรวมถึงรัฐใหญ่ ๆ ที่จะลงนามในข้อเรียกร้องแบบเดียวกัน ที่ PayPal ต้องมีการกำกับดูแล ซึ่งจะส่งให้ให้บริการอย่าง PayPal ต้องเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล

Wells Fargo ถอนตัวจาก Billpoint
Wells Fargo ถอนตัวจาก Billpoint

แต่การกระทำของ รัฐหลุยเซียน่า ครั้งนี้นั้น ชี้ให้เห็นว่าข้อกังวลดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวาดระแวง ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยในรัฐ หลุยเซียน่าหลายพันคนที่กำลังพึ่งพาบริการ PayPal เพื่อซื้อและขายสินค้าออนไลน์อยู่ และพวกเขาต้องการหยุด PayPal จากการทำธุรกิจโดยที่ไม่ได้อ้างว่าปกป้องประชาชนของพวกเขาจากสิ่งใด

ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับสูงของอีกหลาย ๆ รัฐ ก็กำลังจ้องมองไปที่ Billpoint เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัฐ โอเรกอน แคลิฟอร์เนีย และ อิลลินอยส์ ซึ่งมองว่า Billpoint ก็จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตเช่นเดียวกัน

มีการถกเถียงในวงกว้าง American Bankers Association (ABA) ได้กล่าวว่าบริการอย่าง PayPal หรือ Billpoint นั้น ควรจัดอยู่ในประเภทธนาคารพาณิชย์ ลูกค้าควรที่จะได้รับความคุ้มครอง ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามาจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์เก่า และเริ่มเห็นภัยคุมคามจากบริการเหล่านี้ นั่นเอง

แต่สุดท้ายความเห็นจาก Federal Insurance Insurance Commission (FDIC) กลับยอมรับว่า บริการอย่าง PayPal นั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ภายใต้กฏหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งพวกเขาสรุปว่า PayPal นั้นไม่รับเงินฝาก แต่ส่งผ่านเฉพาะเงินทุนไปยังธนาคารหรือผู้ใช้อื่น ๆ เพียงเท่านั้น จะไม่มีผลผูกพันกับการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐนั่นเอง ซึ่ง FDIC มองว่าเป็นแบบอย่างที่มีประโยชน์สำหรับแต่ละรัฐ

ซึ่งหลังจากยึด Billpoint มาได้แบบเต็ม 100% ebay ก็รุกหนักทันที Billpoint ได้เปิดตัวนโยบายการคุ้มครองผู้ขายเลียนแบบ PayPal ซึ่งทำให้ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างนึงของ PayPal ไร้ผลทันที

ebay ยังคงกดดัน PayPal อย่างต่อเนื่องโดยการใส่ปุ่มชำระเงินใน email รุ่นใหม่ที่เร็วกว่าเมื่อการประมูลสิ้นสุด ซึ่งเมื่อก่อนนั้น email การแจ้งเตือนของ PayPal มักจะมาถึงก่อนเสมอ ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ของ Billpoint นั้น เป็นการเร่งกระบวนการการชำระเงิน และรับปุ่มชำระเงินของ Billpoint ให้เร็วขึ้น และรวดเร็วกว่าที่ PayPal ทำได้

ท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นอย่างชัดเจนของ ebay นั้นเป็นผลมาจากการที่ไม่ต้องรอการตัดสินใจของ Wells Fargo ที่เป็นบริษัทแนวอนุรักษ์นิยมอีกต่อไป ทำให้พวกเขาสามารถตัดสินใจในเรื่องบริการต่างๆ รวมถึงกลยุทธ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันนั้น ทั้ง Thiel และ Roelof Botha รวมถึงทีมผู้บริหารของ PayPal ก็เริ่มเบื่อหน่ายกับปริมาณการประมูลของ PayPal ที่เริ่มชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท PayPal เริ่มที่จะไม่เติบโต แถมยังลดลงอีกด้วย

แน่นอนว่าส่วนนึงมาจากท่าทีที่แข็งกร้าวของ ebay หลังจากควบรวมกับ Billpoint ทำให้ลูกค้าเริ่มทยอยเปลี่ยนมาใช้บริการของ Billpoint มากขึ้น รวมถึง ebay เองก็ต้องเจอกับภาวะตกต่ำของยอดประมูลตามฤดูกาล ซึ่งทั้งหมดได้ส่งผลให้ตัวเลขของ PayPal นั้นแย่ลงเป็นครั้งแรกในตลาดประมูล และมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของ PayPal ตกลง

เรียกได้ว่าสถานการณ์ของ PayPal นั้นอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงอีกครั้ง Thiel เริ่มตระหนักว่าสถานการณ์การแข่งขันที่ไม่แน่นอนของบริษัท รวมถึงไปถึงเรื่องทางกฏหมายที่ยังไม่เคลียร์อย่างชัดเจนว่าจะกำหนดบริการของพวกเขาให้ใครกำกับดูแล รวมถึงราคาหุ้นที่ตกลงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ PayPal อย่างชัดเจน

สถานการณ์ของ PayPal เริ่มเสี่ยง มูลค่าหุ้นก็ตกลงต่อเนื่อง
สถานการณ์ของ PayPal เริ่มเสี่ยง มูลค่าหุ้นก็ตกลงต่อเนื่อง

แม้ทีมงานของ PayPal จะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็สู้กับ ebay มาได้ในทุก ๆ กลยุทธ์ ทีงานของพวกเขาพร้อมเสมอที่จะรบกับ ebay แต่ดูเหมือนว่าการสร้างกลยุทธ์เพื่อโจมตี ebay กลับในช่วงนี้ที่ปัญหาหลาย ๆ อย่างมันยังดูไม่เคลียร์นั้น ดูจะเป็นการไม่คุ้มกับแรงกายแรงใจที่ต้องทุ่มเทไปเสียแล้ว

การเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบริษัททั้งสอง แนวคิดเรื่องการควบรวมกิจการนั้นกลับมาในหัวของ Thiel และทีมผู้บริหารอีกครั้ง ดูเหมือนว่าหากยังสู้รบกันต่อไป ก็ไม่มีฝ่ายไหนชนะได้เด็ดขาดเสียที มันอาจจะถึงเวลาแล้วจริง ๆ ที่ PayPal ที่เป็นบริการที่ผู้ใช้ใน ebay นั้นหลงรักที่สุด ควรจะอยู่ในอ้อมกอดของ ebay จริง ๆ จัง ๆ เสียที การควบรวมกิจการคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาวจริง ๆ

และที่สำคัญการเปลี่ยน PayPal ให้เป็นระบบชำระเงินหลักของ ebay แบบเป็นทางการนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงที่สำคัญในเรื่องทางกฏหมาย เกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจที่สถานการณ์ในขณะนั้น มีความท้าทายทางกฏหมายและกฏระเบียบกำลังคุกคามบริษัท ซึ่งอำนาจของ ebay ที่มีเครื่องมือในการสร้างการล๊อบบี้อาจจะช่วย PayPal จัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ในตอนหน้าจะเป็นบทสรุปสุดท้ายของการต่อสู้ระหว่างบริษัททั้งสอง ซึ่งดูเหมือนสงครามครั้งนี้ใกล้จะถึงวันสิ้นสุดเสียที แล้วสงครามครั้งนี้จะจบลงตรงไหน และใครจะเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด และให้แง่คิดอะไรในการทำธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจเล็ก ๆ ที่พร้อมจะล้มยักษ์ เหมือนที่ PayPal ทำ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 11 : Sell Out (ตอนจบ)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol