Geek Forever

ด.ดล Blog

Open Your World with Technology. เปิดโลกใบใหม่ของคุณ ด้วยเรื่องราวของเทคโนโลยี ( Business x Technology x Inspirational Stories )

HOME

  • ABOUT ME
  • BECOME A SUPPORTER
  • CONTACT
  • EDITORS ‘ PICKS
  • PODCAST

Categories

  • Advertorial
  • AI & Robot
  • Bitcoin
  • Blockchain
  • Blog Series
  • Books
  • Business
  • Cars
  • Case Study
  • COVID-19
  • Deep Learning
  • Digital Music War
  • Documentary
  • Entertainment
  • Entrepreneurship
  • Failed Startup
  • Football Product
  • Games
  • Geek China
  • Geek Daily
  • Geek Life
  • Geek Monday
  • Geek Story
  • Geek Talk
  • Healthcare
  • Home & Garden
  • Investment
  • JT 8704
  • Life of Pine
  • Lifestyle
  • Machine Learning
  • Marketing
  • Movies
  • Paypal Mafia
  • PodCast
  • Political
  • Popular Blog
  • Products
  • Programming
  • Recommendations
  • Review
  • Sci & Tech
  • Search War
  • Self Help
  • Series
  • Smartphone War
  • Sport
  • Startup
  • Story
  • The Story
  • Tokyo in the Rain
  • Trading
  • Travel
  • World War III
  • ประวัติ Bill Gates
  • ประวัติ Bitcoin
  • ประวัติ Elon Musk
  • ประวัติ Google
  • ประวัติ iPod
  • ประวัติ Jack Ma
  • ประวัติ Jeff Bezos
  • ประวัติ Jho Low
  • ประวัติ mark zuckerberg
  • ประวัติ MBS
  • ประวัติ Netflix
  • ประวัติ Netscape
  • ประวัติ Reed Hastings
  • ประวัติ Reid Hoffman
  • ประวัติ Steve Jobs
  • ประวัติ Tim Cook
  • ประวัติ Twitter
  • ประวัติ Youtube
  • แบบบ้านสวย

Archives

  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • May 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017
  • October 2017
  • September 2017
  • August 2017
  • July 2017
  • June 2017
  • May 2017
  • April 2017
  • March 2017
  • February 2017
  • September 2016
  • June 2016
  • April 2016
  • March 2016
  • February 2016
  • January 2016
  • December 2015
  • October 2015
  • September 2015
  • May 2015
  • April 2015
  • March 2015
  • February 2015
  • December 2014
  • November 2014
  • October 2014
  • September 2014
  • August 2014
  • April 2014
  • March 2014
  • February 2014
  • January 2014

Meta

  • Log in
  • Entries feed
  • Comments feed
  • WordPress.org

Day: December 3, 2018

ประวัติ mark zuckerberg ตอนพิเศษ : The Social War

By tharadhol in Business, Investment, Programming, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

จากตอนจบของ blog series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch ที่เขียนตอนจบไปเมื่อวาน เราจะเห็นได้ว่าในตอนจบนั้นมีพี่ใหญ่อย่าง Microsoft และ google เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ซึ่งต้องบอกว่า ตลาดโฆษณา online ก่อนหน้ายุค facebook เกิดนั้น google ครองตลาดส่วนนี้แบบแทบจะเบ็ดเสร็จ เหลือช่องว่างไว้ให้ bing ของ microsoft เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ที่ microsoft ทำการเตะตัดขา google ไม่ให้ take over facebook ได้สำเร็จ ลองจินตนาการถึง หากวันนี้ facebook เป็นครอง google อีกราย เม็ดเงินโฆษณา online แทบจะทั้งโลกคงไม่ต้องแบ่งให้ใครอีกแล้ว

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

และที่สำคัญเป็นการส่ง facebook ไปตีกับ google แทน และเป็นการถ่วงดุลอำนาจของ google หลังจากที่ไม่ได้มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมานาน

และ ที่สำคัญยังทำให้ microsoft นั้นมีเวลาหายใจมาพัฒนา service ของตัวเองให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเหมือนปัจจุบัน ที่ข่าวล่าสุด ได้มีมูลค่า บริษัท แซงหน้า apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดได้อีกครั้ง ที่ว่าเป็นเกมส์ที่เดินถูกต้องอย่างยิ่งของ microsoft ในการใช้กลยุทย์นี้

facebook ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างยิ่งต่อ google เพราะมันเป็นการทยอยแย่งตลาดโฆษณา online จาก google ไปเรื่อย ๆ จากเดิมที่ นักการตลาดออนไลน์มีทางเลือกไม่มากที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณา online

ลองมาไล่ดูขุมกำลังหลักของทั้งสองบริษัทในตลาดโฆษณา online

1.Facebook

  • facebook social network + messenger
  • instragram
  • whatsapp (ยังไม่มีการทำตลาดโฆษณา online)

2.Google

  • google search
  • youtube
  • google+ (ปิดบริการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)

ศึก Social War ระหว่าง google vs facebook

facebook และ google ต้องมาประมือกันในศึก social network ที่ google ได้ส่งบริการ google+ เข้ามาแข่ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แทบจะไม่เหลือคนใช้บริการ google+ แล้วในตอนนี้ และคิดว่าไม่น่าจะสร้างรายได้ให้ google ได้อีกต่อไป

google นั้นไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องของเครือข่ายสังคม online การ design ผลิตภัณฑ์ google+ ออกมานั้น แม้จะมี features มากมายก่ายกอง แถมยังทำทุกอย่างได้เหมือน facebook ทำด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งจาก facebook ได้เลย ต้องบอกว่า พี่มาร์ค เข้าใจ user ในเรื่องเครือข่ายสังคมได้อย่างถ่องแท้ หลังจากมีประสบการณ์อยู่กับ platform มาอย่างยาวนาน

google plus ที่ google หวังจะมาเอามาใช้ล้ม facebook

google plus ที่ google หวังจะมาเอามาใช้ล้ม facebook

ซึ่งการที่ google ไม่เข้าใจความต้องการของ user อย่างแท้จริง ทำให้ user จาก facebook ไม่ได้ย้ายหนีไปใช้ google+ เลยซะทีเดียว หลังจากการออกผลิตภัณฑ์ ออกมา และgoogle นั้นได้ทำการโปรโมตอย่างรุนแรงมาก แต่สุดท้ายกลายเป็นที่สิงสถิต ของเหล่า geek แทนมากกว่า เป็นสังคม online ของเหล่า geek ซึ่งออกแบบมาโดย วิศวกร geek ขนานแท้จาก google

hanouts features เด้ดที่ google จะมาจัดการ facebook

hanouts features เด้ดที่ google จะมาจัดการ facebook

ต้องยอมรับว่า social network นั้น facebook แข็งแกร่งจริง ๆ มี features หลัก ๆ ที่โดนใจผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ไม่หนีไปไหน แม้ว่าเกือบจะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรกที่ google+ เปิดบริการ video call hangout แต่ facebook ก็ได้กองหนุนจากพี่ใหญ่อย่าง microsoft ที่ส่ง skype มาช่วยเหลือ facebook ได้ทันเวลา

skype for facebook ที่ลูกพี่ใหญ่อย่าง microsoft ส่งมาช่วย facebook ได้ทันเวลา

skype for facebook ที่ลูกพี่ใหญ่อย่าง microsoft ส่งมาช่วย facebook ได้ทันเวลา

ทำให้สามารถตีโต้กลับได้ไม่เสียฐานผู้ใช้ไปเท่าที่ควรหลังจากการเปิดตัวของ google+ จนสามารถกลับมาชนะอย่างเด็ดขาดได้อีกครั้ง และการเติบโตของ user ของ facebook นั้นก็เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จบแทบจะครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ และทยอยแบ่งเค้กของตลาดโฆษณา online จาก google search ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ google  มาเรื่อย ๆ

แม้มูลค่าตลาดจะสูงขึ้นก็ตาม ทำให้ต่างฝ่ายต่างเติบโต แต่ถ้ามองวิเคราะห์กันจริง ๆ แล้วนั้นจะพบว่า facebook เป็น platform ที่มาแย่งส่วนแบ่งของ google ขึ้นเรื่อย ๆ และออกบริการที่เสริม ที่เห็นชัดเจนว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ google เช่น facebook video และ facebook live ซึ่งมาแย่งฐานผู้ใช้งานจาก youtube โดยตรง

facebook live ที่ facebook นำมาใช้ ตีกลับ บริการ youtube live

facebook live ที่ facebook นำมาใช้ ตีกลับ บริการ youtube live

ซึ่งเราก็ต้องมาดูอนาคตกันต่อไปว่า บริษัททั้งสอง จะต่อสู้กันอย่างไรต่อ หลังจากเริ่มมีผลิตภัณฑ์ ที่มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของโฆษณา online แบบเดียวกันอย่างชัดเจน มาร์ค จะสามารถพา facebook ก้าวข้ามความยิ่งใหญ่ขอ google ได้หรือไม่นั้น ในอนาคตอันใกล้นี้คงมีคำตอบให้เราเห็นอย่างแน่นอน

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 13 : I’m CEO Bitch (The End)

By tharadhol in Books, Investment, Marketing, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

ในที่สุดการเรียนของ เอดูอาร์โด ก็สิ้นสุดลงเสียที กับช่วงเวลาในฮาร์วาร์ด เป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของเขา ไม่ว่าจะประสบพบเจอเรื่องราวๆ  ต่าง ๆ มากมายทั้งในด้านดี และ ด้านร้าย ๆ ก็ตาม มันถึงเวลาที่เขาต้องย้ายออกจากสถานทีแห่งนี้เสียที ที่ฮาร์วาร์ด ที่ ๆ เขาร่วมสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ เครือข่ายที่ปฏิวัติเสรีภาพ การแสดงออก รวมถึงเชื่อมต่อ ทุกคนทั่วทั้งโลกมาไว้ด้วยกันบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

ซึ่งแน่นอน สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ มันถึงเวลาเสียทีที่เค้าต้องดำเนินการฟ้องร้องทางกฏหมาย เพื่อไล่ล่าความชอบธรรม ที่ตัวเค้าเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้าง facebook กลับมา ทั้งหมดจะไม่ใช่เรื่องของเขากับมาร์ค เพียงสองคนอีกต่อไปแล้ว

ซึ่งเวลานี้เค้าก็ได้มานั่งคิดทบทวนตัวเอง ว่าบางทีนั้น สิ่งที่มาร์ค ทำกับ เขาอาจจะเป็นความจำเป็นในเรื่องธุรกิจเท่านั้น มันก็มีส่วนนึงที่เค้าผิด ที่พยายามอายัดบัญชี  ซึ่งเหล่านี้ทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยากในการหาทางร่วมทุนกับเหล่านักลงทุนมากยิ่งขึ้น  แต่ยังไง เขาก็เชื่อด้วยหัวใจเต็มเปี่ยม ว่าเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของ facebook ตั้งแต่เริ่มต้น เขาเป็นคนลงเงินทุนตั้งต้น ของ facebook ทั้งหมด จนก่อร่างสร้างตัวมาได้จนถึงวันนี้ ซึ่งเขาก็ควรที่จะได้รับสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาที่ตกลงไว้ตั้งแต่แรก

ต่อสู้ด้วยการพึ่งพาศาลสถิตยุตธรรมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ต่อสู้ด้วยการพึ่งพาศาลสถิตยุตธรรมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ถึงตอนนี้นั้น ความเห็นที่เหมือนกันเพียงอย่างเดียวของทั้งสอง คือ ต่อไปนี้ เรื่องของ facebook นั้นมันไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ของเพื่อน อีกต่อ ไปแล้ว มันคือธุรกิจ เขาจะตามเอาสิ่งที่เขาควรได้รับกลับมาทั้งหมด ต้องพึ่งศาลสถิตยุติธรรม เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับเขา

ส่วนมาร์คนั้น แน่นอน หลังจากไล่ ฌอน ปาร์กเกอร์ ออกไปพ้นชายคา facebook แล้วนั้น จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างประสบชะตากรรมเดียวกันไม่ต่างจาก เอดูอาร์โด หรือ พี่น้อง winklevoss อะไรที่เป็นภัยคุกคาม กับ facebook  ที่เปรียบเสมือนลูกในไส้ ของมาร์ค  จำเป็นต้องถูกจัดการไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วนั้น สิ่งเดียวที่มีความหมายที่สุดต่อมาร์ค ในตอนนี้ คือ facebook มันคือผลงานการสรรค์สร้าง โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กนั่นเอง

I'm CEO Bitch

I’m CEO Bitch

ไม่ว่าจะอย่างไร มาร์ค ไม่มีวันที่จะให้อะไรมาขัดขวาง facebook ได้โดยเด็ดขาด เพราะเขาคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก “I’m CEO Bitch” นั่นเอง

ผลสรุปสุดท้ายของตัวละครแต่ละคนใน Series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch

ฌอน ปาร์กเกอร์

ฌอน ปาร์เกอร์ มาคุม founder fund ของ peter thiel

ฌอน ปาร์เกอร์ มาคุม founder fund ของ peter thiel

หลังจากถูกมาร์ค ไล่ออกจาก facebook เค้าก็ยังมีบทบาทอยู่ใน ซิลิกอน วัลเลย์ โดยได้ร่วมกับ ปีเตอร์ ธีล ในการก่อตั้ง Founder Fund กองทุนสำหรับ สตาร์อัพ เพื่อหา สตาร์ทอัพ หน้าใหม่ๆ  เหมือนที่ ปีเตอร์ ธีล ทำได้ในการลงทุนกับ facebook 500,000 เหรียญ จนตอนนี้ มูลค่ากลายเป็นกว่า หมื่นล้านเหรียญ ในปัจจุบัน

สองพี่น้อง Winklevoss และ divya narendra

สามสหาย ได้ส่วนแบ่งเป็นที่น่าพอใจจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

สามสหาย ได้ส่วนแบ่งเป็นที่น่าพอใจจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

ทั้งสามทำการดำเนินคดีกับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และคดีดำเนินมายาวนานเรื่อยมา จนถึง ปี 2008 ซึ่งได้ข้อสรุปสุดท้าย แม้จะไม่มีการเปิดเผยในชั้นศาลก็ตาม  แต่มีการายงานจากสื่อว่า ทั้งสามนั้นได้รับเงินไปประมาณ 65 ล้านเหรียญ แม้จำนวนเงินจะมากอยู่ก็ตามในตอนปี 2008 แต่หากมาดูมูลค่า ของ facebook ในปัจจุบัน นั้นเป็นตัวเลขที่น้อยมาก  ๆ

ได้ทำตามความฝันอีกสิ่งหนึ่งคือการได้ไปเล่นโอลิมปิคที่ ปักกิ่ง

ได้ทำตามความฝันอีกสิ่งหนึ่งคือการได้ไปเล่นโอลิมปิคที่ ปักกิ่ง

เพราะปัจจุบัน มูลค่าของ facebook นั้นพุ่งขึ้นไประดับ แสนล้านเหรียญ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในด้านกีฬาเรือพาย นั้น สองพี่น้อง winklevoss ได้เป็นตัวแทนของทีมเรือพายสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมแข่งขันในกีฬา โอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน  โดยแข่งได้อันดับ 6 ในประเภทการแข่งขัน ฝีพายคู่ชาย

เอดูอาร์โด เซเวอริน

เอดูอาร์โด ซัลเวอริน ได้รับเครดิตกลับมาอีกครั้ง

เอดูอาร์โด ซัลเวอริน ได้รับเครดิตกลับมาอีกครั้ง

สำหรับ เอดูอาร์โด หลังจากจบจากฮาร์วาร์ด ก็ทำการเริ่มดำเนินการฟ้องร้อง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ facebook โดยที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อสรุปเกี่ยวกับ คดีดังกล่าว และมีคดีที่ มาร์ค ฟ้องกลับเอดูอาร์ด้วย ซึ่งมีการต่อสู้ในชั้นศาลอย่างยาวนาน

จนกระทั่งในเดือน มกราคม ปี 2009 ชื่อ ของเอดูอาร์โด เซเวอริน นั้นได้กลับมาถูกบรรจุ ในตำแหน่ง Co-Founder หรือ ผู้ร่วมก่อตั้ง facebook ในเว๊บไซต์ facebook อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าการต่อสู้คดีนั้น เอดูอาร์โด สามารถเอาชนะในเรื่องการคืนเครดิต การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งให้เขาได้สำเร็จ แต่เรื่องของส่วนแบ่งหรือหุ้นส่วนใด ๆ นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คิดว่าน่าจะมีมูลค่าที่สูง ซึ่งน่าจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้สำเร็จ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของ facebook ในระยะยาว

ย้า่ยมาใช้ชีวิตในสิงคโปร์ และแต่งงานกับนางงามชาวสิงคโปร์

ย้า่ยมาใช้ชีวิตในสิงคโปร์ และแต่งงานกับนางงามชาวสิงคโปร์

ส่วนสถานะความเป็นเพื่อนกับมาร์ค นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันใด ๆ ว่าทั้งคู่ กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือ ไม่ และ ล่าสุดนั้น เอดูอาร์โด ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ เพื่อลงทุนในธุรกิจ สตาร์ท อัพที่มีโอกาสเติบโต เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น กำลังเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนจากฝั่งอเมริกา  และ ได้แต่งงานกับนางงามชาวสิงค์โปร์ และย้ายมาใช้ชีวิตที่สิงค์โปร์ในที่สุด

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ facebook

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO บริหาร facebook มาจนถึงปัจจุบัน

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO บริหาร facebook มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับ facebook นั้นก็มีการเติบโตด้านผู้ใช้งานขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงในปี 2007 เรื่องไปถึงหูของ google ซึ่งต้องการที่จะ take over facebook แต่อย่าที่รู้กันก่อนหน้านี้ ศัตรูคู่ฉกาจของ google อย่าง microsoft ไม่ยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวกันในหลายตลาด ทั้ง search engine , email ,  document tool ซึ่ง social เป็นเรื่องใหม่ที่ microsoft ไม่ยอมให้ google มายึดไปอีกแน่นอน

ไมโครซอฟท์ จึงทำเรื่อง surprise อย่างยิ่งด้วยการลงทุน ซื้อหุ้นเพียง 1.6% ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 240 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ facebook พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญ ซึ่ง ตอนนั้น บริษัท ยังแทบจะไม่มีรายได้เข้ามามากมายเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการเตะตัดขา google เพื่อไม่ให้มา take over facebook เพียงเท่านั้น

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

จนในปัจจุบัน กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน internet อย่างเต็มตัว take over บริษัท มากมายไม่ว่าจะเป็น instragram , whatsapp หรือ occulus จนผู้ใช้เติบโตไปถึงกว่า 1,000 ล้านคน อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นการเดินทางจากจุดเล็ก ๆ ในหอพักที่ ฮาร์วาร์ด จนตอนนี้ ทำให้มาร์ค กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลล่าร์ ที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งเป็นการสร้างฐานะมาด้วยตัวเอง ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

แนวคิดที่ได้จาก Blog Series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch

ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตาม และ comment ให้กำลังใจ กับการเขียน series ชุดนี้  ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะยืดยาวได้ถึงเพียงนี้ แต่เรื่องเป็นเรื่องธุรกิจที่สนุกจริง ๆ การเกิดขึ้นของ startup เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในมหาลัย ฮาร์วาร์ด จนเติบใหญ่มาเป็น facebook ที่ยิ่งใหญ่อย่างปัจจุบัน ผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย

โดยส่วนตัวนั้น มาร์ค นั้นเป็นคนหนึ่ง ที่โฟกัส กับสิ่งที่ทำมาตั้งแต่เริ่ม ผมไม่ได้มองว่า มาร์ค เป็นคนที่เลวร้ายอะไรเลย ผมมองเรื่องที่เกิดทั้งหมดนั้น เป็นเพราะมาร์ค ต้องการนำพาธุรกิจไปข้างหน้า เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขา และเขารักในสิ่งที่เขาทำมาก รักเหมือนลูก ใครมาขวางทาง ไมว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ก็ตาม นั้น มาร์ค ก็พร้อมที่จะลุยเต็มที่เพื่อขจัดสิ่งที่ขัดขวางเหล่านั้น เพื่อให้ facebook เติบโตมาจนได้ถึงวันนี้ ซึ่งมันพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่มาร์ค ทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง

ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กับการมีปัญหากับเพื่อนในการทำธุรกิจ ซึ่งผมคิดว่าในโลกนี้ มีปัญหาแนว ๆ นี้อยู่มากมาย โดยเฉพาะ การทำธุรกิจกับเพื่อน ที่ตอนลำบากนั้นพร้อมจะสู้ด้วยกัน และมักจะมองไม่ค่อยเห็นปัญหา แต่พอตอนรวยขึ้นมามักจะมีโอกาสที่จะแตกคอกันเสมอ ซึ่ง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ facebook เพราะผลสรุปสุดท้าย ทุกคนก็ตกลงกันได้ด้วยดี แม้จะจบที่ชั้นศาลก็ตาม แต่ ดู facebook ตอนนี้สิกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลองมองมุมกลับกัน หากมาร์ค ปล่อยให้ เอดูอาร์โด เข้ามาวางอำนาจในบริษัท มาอายัดบัญชี แล้วเกิดปัญหาขึ้นมากับ facebook จนคนย้ายหนีไป platform อื่นคงไม่มี facebook บริษัทที่ยิ่งใหญ่ในโลกอินเตอร์เน็ตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่อง idea เริ่มต้นนั้น แม้มาร์ค ไม่ได้คิดเองมาตั้งแต่แรก แต่ผมว่ามันก็เป็นเรื่องของธุรกิจ ที่คนคิด คนแรกไม่ได้ประสบความเร็จเสมอไป แต่เป็นคนที่ลงมือทำต่างหาก คนที่ลงมือทำด้วยความตั้งใจ โฟกัสในสิ่งที่ทำแบบที่มาร์คเป็น นั้น เราก็เห็นผลแล้วว่ามาร์ค ประสบความเร็จเพียงใดจากเริ่มต้น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ทำเป็นอย่างมาก จนมาเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดของอเมริกา ที่สร้างตัวมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่รับมรดกตกทอดมาจากต้นตระกูลแต่อย่างใด

ผมว่า เรื่องนี้เป็นแรงบรรดาลใจ ให้หลายๆ  ท่านได้ ในการที่เราจะลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ อะไรก็ตาม มันต้องเริ่มต้นทำ และทำทันที เพราะการมัวแต่คิด ๆ  แล้วไม่ได้ทำซักที นั้นก็ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จได้เมื่อไหร่ และที่สำคัญคือการโฟกัสในสิ่งที่เราทำ หากเราทุ่มเทให้กับมัน เหมือนที่มาร์คทำกับ facebook  ผมคิดว่าก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เหมือนที่มาร์คทำ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่มาร์คทำก็ตาม รวมถึงแรงบรรดาลใจให้เหล่าสตาร์ทอัพ และ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ของประเทศไทย

blockdit เครือข่ายสังคม online มาแรงของประเทศไทย

blockdit เครือข่ายสังคม online มาแรงของประเทศไทย

ยกตัวอย่าง blockdit ที่แห่งนี้ ที่ ๆ เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาแสดงฝีมือในการเขียน เป็นสังคมใหม่ แม้จะมาแข่ง facebook ก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า คนไทยก็ทำได้ไม่แพ้สิ่งที่มาร์ค เคยทำไว้กับ facebook และ blockdit กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยก็ทำได้ และผมเชื่อว่า วันหนึ่ง blockdit นั้นจะประสบความสำเร็จทั้่งในเรื่องธุรกิจ และ จำนวนผู้ใช้งาน จนเป็นที่กล่าวถึงให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เหมือนที่เราได้เรียนรู้จาก blog series นี้อย่างแน่นอน

–> อ่านตอนพิเศษ (Special) : The Social War

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 12 : From God to Devil

By tharadhol in Books, Business, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่า ฌอน นั้นเคยมีปัญหากับ ไมเคิล มอริตซ์ เจ้าของบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดอย่าง เซคัวเอีย แคปปิตอล ตอนที่เค้าถูกยึด plexo บริการนามบัตร online ไป ทั้งที่สร้างมันมาด้วยมือของเค้าเอง ซึ่งเป็นความเจ็บปวดที่สุด ที่ฌอน รอวันที่จะแก้แค้นให้จงได้

ตอนนี้ก็ถึงเวลาล้างแค้น ของ ฌอนแล้ว เพราะขณะนี้ เซคัวเอีย ดิ้นพล่านสุด ๆ ในการที่จะขอร่วมลงทุนกับ facebook ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโด และ เซคัวเอีย ก็ไม่อยากตกรถขบวนนี้ โดยพยามยามติดต่อ มาร์ค  พยายามจัดการให้ร่วมประชุมกับทีมของ facebook ให้ได้

ไมเคิล มอริตซ์ แค้นฟังลึกของ ฌอน ปาร์เกอร์

ไมเคิล มอริตซ์ แค้นฟังลึกของ ฌอน ปาร์เกอร์

แต่ฌอน ก็พยายามกีดกันทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ เซคัวเอีย เค้ามาข้องเกี่ยวกับ facebook แม้จะมีเงินลงทุนมากแค่ไหนก็ตามแต่ มันถึงเวลาที่ฌอน ต้องล้างแค้นให้สาสมซะที

โดยฌอน ได้วางแผนกับมาร์ค โดยจัดให้มีการนัดพบกันแต่เช้าตรู่ โดยให้มาร์ค นั้นแกล้งใส่ชุดนอน แล้วหนีบเอาโน๊ตบุ๊คส่วนตัวเพื่อไปหา ไมเคิล มอริตซ์ และโผล่ไปที่ ซีคัวเอีย ช้ากว่ากำหนด 10 นาที  แล้วให้มาร์ค ขึ้นไปคุยธุรกิจด้วยชุดนอนอย่างงั้นเลย แล้วอ้างว่า ตื่นสาย เนื่องจากเขียนโปรแกรมดึก

ฌอนได้สร้าง powerpoint เวอร์ชั่น พิเศษขึ้นมาเพื่อ ซีคัวเอียโดยเฉพาะ และในนั้นจะเป็นการล้างแค้นที่เจ็บแสบที่สุด ที่ ไมเคิล มอริตซ์ เคยได้เจอะเจอมา ซึ่งถือเป็นการล้างแค้นที่พิศดารที่สุดตั้งแต่ ซิลิกอน วัลเลย์ ก่อกำเนิดขึ้นมา

Accel Partner ที่ในที่สุดก็ได้ร่วมลงทุนกับ facebook

Accel Partner ที่ในที่สุดก็ได้ร่วมลงทุนกับ facebook

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องแคร์ ซีเคัวเอีย เพราะตอนนี้ facebook กำลังเนื้อหอมอย่างยิ่ง  มีการลงทุนจาก แอคเซล พาร์ทเนอร์ กว่า 13 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าบริษัทตอนนี้พุ่งไปทะยาน 100 ล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  แต่นี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ภายใน 1 ปีนี้คาดว่า ผู้ใช้งานของ facebook จะทะลุไปถึง 50 ล้านคนได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นก็ไม่มีอะไรจะมาฉุด facebook ได้อยู่อีกต่อไป

From God to Devil

3 เดือนผ่านไป ในปาร์ตี้แห่งหนึ่ง กลางมหานครใหญ่ อย่าง ซานฟรานซิลโก มันเป็นปาร์ตี้ของเหล่าเด็กหนุ่มมหาลัย ที่พากันมาปลดปล่อยอารมณ์ คลายเครียด จากการทำงานสุดเครียดในเมืองใหญ่แห่งนี้

แต่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เสียงดังเอะอะ โวยวาย เริ่มเข้ามา มีการกระแทกประตูเพื่อเปิดออก แสงไฟ ก็ถูกส่งเข้ามายังเหล่าวัยรุ่นที่กำลัง ปาร์ตี้กันอย่างเมามันส์

ฌอน รักปาร์ตี้ และเเสพยา เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ฌอน รักปาร์ตี้ และเเสพยา เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หนุ่มในเครื่องแบบสีน้ำเงิน  มีไม้พลองเป็นอาวุธประจำกาย ใช่แล้ว มันคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงเวลาที่ปาร์ตี้แสนสนุกต้องจบสิ้นลงแล้ว

และที่นั่น มีฌอน อยู่ ฌอนผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ facebook ทีกำลังกลายเป็น บรัษัทดาวรุ่งพุ่งแรงในสหรัฐอเมริการ พร้อมจะปฏิวัติ เสรีภาพ ความคิดเห็น เชื่อมต่อผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้

แต่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ ฌอน ไปอยู่ในที่แห่งนั้น เพราะ ประวัติที่ไม่ดีของฌอน ที่เกี่ยวกับยาเสพติด และปาร์ตี้ดังกล่าว เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยาเสพติด ที่เป็นของผิดกฏหมายแทบจะทั้งสิ้น ฌอนซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานของ facebook อยู่ มันคงไม่ดีแน่ หากถูกสื่อเผยแพร่ออกไป ภาพลักษณ์ของ facebook จะเสียหายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะต่อกลุ่มวัยรุ่น ฐานผู้ใช้หลักของ facebook ในตอนนี้

ปาร์ตี้ต้องจบลงด้วยตำรวจ

ปาร์ตี้ต้องจบลงด้วยตำรวจ

ถ้าข่าวพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หากมาร์ค รู้ มาร์คต้องโมโห ชนิดฉุนขาดอย่างแน่นอน แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเทิดทูนฌอน เปรียบดั่งพระเจ้าก็ตาม แต่ไม่ใช่ตอนนี้แล้ว เพราะตอนนี้ facebook กำลังก้าวขึ้นไปอีกขึ้น ต้องไม่มีเรื่องเสื่อมเสียใด ๆ มาทำลาย facebook อีก

เพียงแค่วันรุ่งขึ้น มาร์คก็ได้รับสายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นไปได้ว่า จากทนายของบริษัท หรือ ไม่ก็อาจจะเป็นจากปากของฌอนเอง มันเป็นเรื่องใหญ่มาก มาร์คต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก

ฌอน นั้นเรียกได้ว่าโครตอัจฉริยะก็จริง และเป็น keyman ที่สำคัญคนหนึ่ง ที่พา facebook มายืนถึงจุดนี้ได้ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ ผู้นำของ facebook ในตำแหน่งประธานเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษา และเพื่อนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของมาร์คอีกด้วย

แต่อย่างว่า ฌอน นิสัยไม่เคยเปลี่ยน เมื่อประสบความสำเร็จกับ facebook จิตวิญญาณของ Devil ร้ายที่แฝงในตัว ฌอน ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง หนุ่ม ปาร์ตี้ เสเพล เล่นยา แบดบอย แห่งซิลิกอน วัลเลย์คนเดิมกลับมาอีกแล้ว

ภาพ ฌอน ตอนนี้จากมองเป็น God กลายเป็น Devil แทนแล้ว

ภาพ ฌอน ตอนนี้จากมองเป็น God กลายเป็น Devil แทนแล้ว

แต่มาร์คโตขึ้นไปอีกก้าวแล้วตอนนี้ มาร์ค ไม่จำเป็นต้องพึ่งฌอนอีกต่อแล้ว เป็นการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด แต่ครั้งนี้คงยกโทษให้ฌอนไม่ได้จริง ๆ มันอันตรายต่อ facebook สิ่งที่ มาร์ค รักยิ่งกว่าลูกในไส้ ใครจะมาทำร้าย facebook ของเค้าอีกไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม โชคชะตา หรือ อะไรก็ตาม ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ฌอน ปาร์กเกอร์ ต้องไปจาก facebook เสียที

มาถึงตอนนี้มาร์คนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไล่ฌอน ออกจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ facebook อีกคน เพราะเรื่องยาเสพติดมันร้ายแรง มันส่งผลเสียต่อสถานะของ facebook มาก ซึ่ง มาร์ค มองไปยังเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครหน้าไหน มาขัดขวาง หรือมาขวางทาง facebook คน ๆ นั้น ก็จะไม่มีที่ยืนใน facebook เช่นกัน ตอนหน้าจะเป็นตอนจบ และบทสรุป ของทุกเรื่องราวทุกอย่างของ series นี้แล้วนะครับหลังจากผ่านมายาวนานถึง 12 ตอน อย่าพลาดติดตามตอนจบของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch เด็ดขาดนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 13 : I’m CEO Bitch (The End)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 11 : Relationship Status

By tharadhol in Books, Investment, Marketing, Programming, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

เผลอไปเพียงแป๊บเดียว สมาชิกของ facebook ก็เพิ่มจำนวนขึ้นจากหนึ่งล้านกลายเป็นสองล้านคนอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งที่ทุกคนตกใจ และกำลังมุ่งหน้าสู่ 3 ล้านในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ facebook ไม่ใช่แค่เป็น website น้องใหม่ในตลาด social network อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นเครือข่ายสังคมที่ทุกคนทั่วอเมริกากำลังพูดถึง กำลังแพร่ระบาดเหมือนไวรัส ไปยังมหาลัยต่าง ๆ ทั่วอเมริการกว่า 500 แห่ง สื่อเริ่มทำข่าวการเติบโตที่น่าทึ่งของ facebook มีการตามล่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เพื่อมาสัมภาษณ์ทางทีวี หนังสือพิมต่างประโคมข่าว การแจ้งเกิดของ เว๊บไซต์ social network น้องใหม่ตัวนี้

แต่อย่าไรก็ตามนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 ระหว่าง มาร์ค กับ เอดูอาร์โด นั้น แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย มีแต่โทรศัพท์จากทนาย ที่มาร้องขอคำขอแปลก ๆ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อในนิวยอร์ค ที่ เอดูอาร์โด ได้ไปหาสปอนเซอร์ ในช่วงก่อนหน้านี้ หรือ รายชื่อ ของธุรกิจ ที่มีโอกาสที่จะลงโฆษณากับ facebook ที่ เอดูอาร์โด เคยติดต่อไว้

เริ่มตะหงิด ๆ ใจอีกครั้ง

เริ่มตะหงิด ๆ ใจอีกครั้ง

ดูแล้วเอดูอาร์โด จะเหินห่างจากทีมงานที่ ซิลิกอน วัลเลย์ อย่างมาก สำหรับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา  และในที่สุดก็มีการติดต่อมาจากมาร์ค จนได้ ที่ขอให้เอดูอาร์โด เดินทางมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ซึ่งจะมีการประชุมธุรกิจที่สำคัญบางอย่าง เกี่ยวข้องกับ การว่าจ้างพนักงานใหม่ ที่เอดูอาร์โด จำเป็นทำการฝึกงานให้

ซึ่งในเมล์นั้น มีข้อความหลายอย่าง ที่ทำให้ เอดูอาร์โด รู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นักลงทุนใหญ่อย่าง เซคัวเอีย แคปปิตอล กองทุน VC ที่ใหญ่ที่สุดใน ซิลิกอน วัลเลย์ ที่บริหารโดยคู่ปรับ เก่าของฌอน อย่าง ไมเคิล มอริตซ์

ไมเคิล มัวริตซ์ ที่จ้องจะลงทุนใน facebook ให้ได้

ไมเคิล มัวริตซ์ ที่จ้องจะลงทุนใน facebook ให้ได้

รวมถึงยังมีบริษัทสื่อ อย่าง ดอน เกรแฮม ซีอีโอ ของ วอชิงตัน โพสต์ ก็ให้ความสนใจในการร่วมลงทุน กับ facebook เช่นเดียวกัน  ซึ่งตอนนี้ เหล่า VC ทั่วทั้ง ซิลิกอนวัลเลย์ ทั้งเล็กใหญ่ นั้นต่างมารุมตอม เพื่อรอโอกาสในการลงทุนกับ facebook โดยที่ไม่อยากตกขบวนนี้ กันทั้งหมด เรียกว่าตอนนี้ facebook นั้นเป็นต่ออยู่อย่างมาก เนื้อหอมจนสามารถเลือกผู้ที่จะร่วมลงทุนได้เอง

ดอน เกรแฮม ceo วอชิงตันโพสต์ ก็สนใจจะลงทุนกับมาร์ค

ดอน เกรแฮม ceo วอชิงตันโพสต์ ก็สนใจจะลงทุนกับมาร์ค

แต่ที่เอดูอาร์โดนั้น รู้สึกประหลาดใจที่สุด น่าจะเป็น เรื่องที่มาร์คแจ้งมาว่า ทางตัว มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน  นั้นกำลังจะขายหุ้นออกไปประมาณคนละ 2 ล้านดอลลาร์ นี่เป็นจุดที่น่าจะสะกิดใจ เอดูอาร์โดที่สุด เค้าคิดว่า ทำไมในรายละเอียดของเค้าที่ได้เซ็นต์ไปนั้นไม่สามารถขายหุ้นของตัวเองได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างที่มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน กำลังจะทำได้อย่างแน่นอน

แล้วเอกสารที่เค้าเซ็นต์ไปในรอบที่แล้วนั้น มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกับที่มาร์ค , ฌอน รวมถึง ดัสติน ได้เซ็นต์ไปหรือ?  และที่ไม่แฟร์ที่สุดคือ ทำไม ฌอน ที่มาหลังสุด ถึงสามารถทำเงินจาก facebook ได้แล้วถึง 2 ล้านเหรียญทั้งที่มาร่วมงานกับ facebook จริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่ 3-4 เดือนเพียงเท่านั้น มันต้องมีอะไรที่ผิดปรกติอย่างแน่นอน

Relationship Status

มันเป็นวันที่ เอดูอาร์โด จะจดจำไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ กับการได้เห็นเอกสารที่ทางทนาย ได้ส่งให้ ในขณะเดินเข้ามาที่ ออฟฟิส ใหม่ของ facebook

นี่เป็นสำนักงานใหม่ ที่เป็นบริษัทจริง ๆ ครั้งแรกของ facebook ตั้งอยู่ใจกลาง ย่านธุรกิจของ พาโล อัลโต โต๊ะทำงานถูกสั่งซื้่อใหม่เอี่ยมทั้่งหมด ไม่มี โต๊ะเก่า ๆ ที่ซื้อมือสองจาก เครกลิสต์ อีกต่อไป

ออฟฟิสใหม่ที่ทำให้บริษัทเป็นมือถาชีพมายิ่งขึ้น

ออฟฟิสใหม่ที่ทำให้บริษัทเป็นมือถาชีพมายิ่งขึ้น

แถมยังมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีทั้งภาพกราฟิตี้ ที่ให้ศิลปินท้องถิ่น วาดให้เป็นจุดเด่นของ ออฟฟิสแห่งนี้

ทนายคนใหม่ ที่อยู่ระหว่าง เอดูอาร์โด และ มาร์ค ซึ่งก็เหมือน ทุก ๆครั้ง มาร์ค แทบจะไม่สนใจอะไร นั่งอยู่แต่หน้าจอคอม เขียนแต่โค้ด เพื่อกลบเกลื่อนทุกสิ่ง

ซึ่งหลังจากเอดูอาร์โด ได้อ่าน เนื้อหาในเอกสารต่าง ๆ  มันไม่เกี่ยวอะไรกับที่มาร์คอ้างเลย ที่บอกให้มาเรื่องประชุมธุรกิจ หรือ การเทรนพนักงานใหม่ อะไรทั้งสิ้น

มันคือการหักหลัง มันคือการลอบทำร้าย กันชัด ๆ เอดูอาร์โด ต้องใช้เวลาหลายนาทีในการทำความเข้าใจเอกสารทั้งหมด

ทำให้เค้าได้รู้ตัวว่า เค้ากำลังโดนหยามอย่างที่สุด มันเหมือน ถูกยิงเข้าที่กลางอกไม่มีผิด มันไม่สามารถบรรยายอะไรได้เลย กับความรู้สึกเช่นนี้ เขาเสียท่า เสียรู้ เขาควรจะรู้ตัวก่อนหน้านี้ซะอีก มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง

แต่เค้าเพียงไม่คิดว่า มันจะมาจาก มาร์ค มาจากเพื่อนสนิท เขาแทบจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมาร์ค ตอนที่อยู่ ฮาร์วาร์ด ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟัน มาทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม

มันคือการทรยศชัด ๆ ทรยศต่อความไว้ใจของเพื่อน มาร์คทรยศเขา ทำลายเขา และชัดเจนว่า ต้องการเอาทุกสิ่งไปทั้งหมด ทุกอย่างมันชัดเจนในเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือเขานั่นแหละ

มีการเพิ่มหุ้นสามัญ จำนวน 19 ล้านหุ้น หลังจากนั้นมีการออกหุ้น อีกจำนวนถึงกว่า 20 ล้านหุ้น  และมีการอนุมัติ ให้มีการจัดสรรหุ้นมเพิ่มเติมให้กับ มาร์ค 3.3 ล้านหุ้นให้กับมาร์ค ส่วน ฌอน และ ดัสติน คนละ 2 ล้านหุ้น

ปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นหากมีนักลงทุนใหม่เรื่อย ๆ จนสัดส่วนของเอดูอาร์โด ลดลงเรื่อย ๆ

ปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นหากมีนักลงทุนใหม่เรื่อย ๆ จนสัดส่วนของเอดูอาร์โด ลดลงเรื่อย ๆ  (ภาพตัวอย่าง)

ซึ่งทำให้ตอนนี้ เอดูอาร์ดา เหลือหุ้นแทบจะไม่ถึง 10% และหากมีการกระทำอย่างงี้ต่อไปอีกโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไปเรื่อย ๆ สัดส่วนหุ้นของเขาจะถูกลดจนแทบจะเหลือ 0%  ซึ่งแน่นอน ต่อจากนี้ไปเขาไม่เซ็นต์อะไรทั้งสิ้น ไม่ ๆ  ๆ ๆ คำเดียวเท่านั้น และ ประกาศก้องให้มาร์ค กับทุกคนใน office นี้รู้ว่า เค้าจะมาเอาคืน ไม่ใช่ เพียงแค่ 30% แต่จะกลับมาเอาคืนทั้งหมดที่มาร์คทำไว้อย่างเจ็บแสบอย่างแน่นอน

ถ้าใครยังจำตอนแรก ๆ ที่เปิด thefacebook เราจะเห็นได้ว่า features สำคัญที่สุดของ thefacebook ที่เป็นจุดสำคัญในการแจ้งเกิดเลย ก็ คือ Relationship Status ที่เหมือน ป้ายห้อยคอ บอกสถานะ ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เป็นการขับเคลื่อนชีวิตในมหาลัย

จากเพื่อนกลายเป็นศัตรูในที่สุด

จากเพื่อนกลายเป็นศัตรูในที่สุด

แต่ตอนนี้ Relationship Status ระหว่าง ผู้ก่อตั้งทั้งสอง ระหว่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก อัจฉริยะ ด้านคอมพิวเตอร์ กับ เอดูอาร์โด ซาวาริน ผู้ซึ่งเหมือนเป็นคนลงทุนก่อร่าง สร้าง thefacebook มาตั้งแต่วันแรก ๆ แต่วันนี้ เค้าถูกเพื่อนที่เค้าคิดว่าเป็นเพื่อนรัก ทรยศ ไม่ว่ามาร์ค จะไปปรึกษาใคร มาก็ตาม แต่สุดท้ายการตัดสินใจสุดท้ายที่ทำอย่างงี้กับ เอดูอาร์โด ก็คือ มาร์ค อยู่ดี

ตอนนี้ Relationship Status ของทั้งคู่ได้เปลี่ยนจากคำว่า Friend เป็น Enemy หรือศัตรูอย่างแท้จริงแล้ว บทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 12 : From God to Devil

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 10 : Death Note

By tharadhol in Books, Business, Investment, Marketing, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

สถานการณ์ในตอนล่าสุด มาร์ค ได้ทำการลุยเดี่ยว เพื่อพา facebook ผ่านพ้นวิกฤตเรื่องเงินทุนไปได้สำเร็จ และทำให้ เว๊บยังสามารถ online ต่อไปได้พร้อมรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้น พร้อมเงินทุนที่จะมาเพิ่มทีมงานให้มากขึ้น ต้องถือว่าในเชิงธุรกิจ อาจจะเป็นการตัดสินใจเด็ดขาดที่ถูกต้องมากที่สุดครั้งนึงของมาร์ค เลยก็ว่าได้

ส่วน เอดูอาร์โดนั้น หลังจากฟางเส้นสุดท้าย คือ การระงับบัญชีของ thefacebook ทั้งหมด ก็ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครรู้ความคิดที่แท้จริงของมาร์ค ที่มีต่อเอดูอาร์โด ว่า สัมพันธภาพระหว่างความเป็นเพื่อนของทั้งสองนั้นขาดสะบั้นไปแล้วหรือยัง

หลังจากผ่านช่วงวิกฤตไปได้ ตอนนี้ เอดูอาร์โด ก็เริ่มอารมณ์เย็นลง สุดท้ายมาร์ค ก็ให้เอดูอาร์โด มาที่ซิลิกอน วัลเลย์ เพื่อทำสัญญาปรับโครงสร้างบริษัท ให้เรียบร้อย โดยแจ้งเรื่องที่เค้าได้ตัดสินใจทั้งหมดให้กับ เอดูอาร์โดฟัง ทั้งเรื่องการลงทุน ของ peter thiel , การแบ่งหุ้นให้ ฌอน รวมถึงการที่จะย้าย office ไปที่ใหม่ เนื่องจากเจ้าของบ้านเช่าคนเก่าเริ่มไม่พอใจ ที่ทำความวุ่นวายให้กับบ้านเดิมที่มาร์คเช่าอยู่

ย้ายจากบ้านเช่าเดิม ที่เจ้าของบ้านเริ่มไม่พอใจ

ย้ายจากบ้านเช่าเดิม ที่เจ้าของบ้านเริ่มไม่พอใจ

เงินลงทุนจาก peter thiel 500,000 เหรียญ นั้นพอที่จะพยุงบริษัทให้เติบโตต่อไปได้อีก 3-4 เดือน เพื่อรองรับเงินลงทุนในการระดมทุนรอบใหม่ หากบริษัทยังเติบโตไปในลักษณะนี้ อยู่มาร์คคาดว่ามูลค่าบริษัทจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่วนใหญ่ บริษัทลงทุนต่าง ๆ ก็ไม่อยากตกรถ กับการลงทุนเพื่อธุรกิจที่มีอนาคตอย่าง facebook

เงินลงทุนเริ่มต้น 500,000 เหรียญ ของ peter thiel

เงินลงทุนเริ่มต้น 500,000 เหรียญ ของ peter thiel

เมือ เอดูอาร์โด มาถึง office ใหม่ แม้มาร์ค จะแทบไม่ได้ทักทายต้อนรับเมื่อเขามาถึงก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมาร์คแต่อย่างใด ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมนั้น แทบจะถูกลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้บริษัทกำลังเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการดีกว่าที่จะลดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองลงไป  ซึ่งทุกอย่างที่มาร์คทำก็เพื่อบริษัทแทบจะทั้งสิ้น  ซึ่งตอนนี้จำนวนสมาชิกกำลังเข้าไปแตะ 750,000 รายแล้ว  กำลังจะถึงล้านคนในเร็ว ๆ นี้

รวมถึงเพิ่ม features เด็ด คือ Wall เพื่อเพิ่มความสามารถในการสื่อสารกัน แบบ open ที่สุด ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ใน เครือข่ายสังคม online รุ่นพี่ อย่าง friendster หรือ myspace

สุดยอดนวัตกรรม Wall ในสมัยนั้น ก่อนจะปรับมาเป็น feed ในปัจจุบัน

สุดยอดนวัตกรรม Wall ในสมัยนั้น ก่อนจะปรับมาเป็น feed ในปัจจุบัน

ตอนนี้ facebook กำลังสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น เพื่อฉีกหนี เครือข่ายสังคมเดิม ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดด้วยนวัตกรรมของมาร์ค

From thefacebook to facebook

แม้ทุกอย่างที่มาร์คแสดงออกมาตอนพบกับ เอดูอาร์โด มันดูเหมือนปรกติ แม้กระทั่งยังแนะนำให้ เอดูอาร์โดกลับไปเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดให้จบ ปล่อยหน้าที่การจัดการเรื่อง facebook ให้มาร์ค ที่จะดร็อปเรียนที่ฮาร์วาร์ดแล้วมาทุ่มเทให้กับ facebook เต็มตัว

เอดูอาร์โด เดินเข้ามาพบกับทีมทนายบริษัท ที่เค้าคิดว่าเป็นทนายของเค้าเองด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูข้อความทางกฏหมายแล้วมันซับซ้อนอยู่มาก

เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการจดทะเบียนบริษัทใหม่ “facebook” ซึ่งจะมาแทนที่ “thefacebook”  และจะมีการแปลงหุ้นเดิมของผู้ถือหุ้นเดิมใน thefacebook มาที่บริษัทใหม่ รวมถึง ตัวเอดูอาร์โดเองด้วย

เปลี่ยนเป็น facebook inc ที่เป็นบริษัทมืออาชีพ จริง ๆ จัง ๆ เสียที

เปลี่ยนเป็น facebook inc ที่เป็นบริษัทมืออาชีพ จริง ๆ จัง ๆ เสียที

ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วน้น เอดูอาร์โด ก็ไม่ได้เข้าใจเอกสารทั้งหมดด้วยความเคลียร์แต่อย่างใด แต่คิดเพียงว่าทุกอย่างมันโอเคแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับมาร์ค ก็กลับมาปรกติแล้ว รวมถึงทนาย ก็น่าจะเป็นทนายฝ่ายเค้าเอง น่าจะจัดทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

โครงสร้างใหม่ ทำให้เอดูอาร์โด มีหุ้นถือครองอยู่ 34.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี อยุ่ 30% และมีข้อแม้ในเรื่องความจำเป็นในอนาคตในการปรับลดสัดส่วนหุ้น ที่จะเกิดขึ้นหากมีข้อเสนอจากนักลงทุนรายอื่นๆ

ส่วนของมาร์คนั้นลดลงเหลือ 51% ดัสตินนั้นได้ไป 6.81% และ ฌอนที่ 6.47% ส่วน peter thiel นั้นจะถือครองที่ 7%

และที่สำคัญคือ เอดูอาร์โดไม่สามารถนำหุ้น ของตัวเองออกขายได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน ซึ่งตอนแรกเค้าก็คิดว่ามาร์ค และ ดัสติน น่าจะมีเงื่อนไขดังกล่าวเช่นกัน

Death Note

เอดูอาร์โด อ่านเอกสารเหล่านี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เค้าน่าจะมีทนายส่วนตัวเพื่อปรึกษาเรื่องเอกสารเหล่านี้  แต่ก็อย่างว่า ทนายของ facebook ก็เหมือนทนายของเขาอยู่แล้วหนิ ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ตั้งกว่า 30%

มาร์คก็ได้บอกเอดูอาร์โด ถึงความจำเป็น และข้อดีของเอกสารเหล่านี้ ที่ เอดูอาร์โด ต้องเซ็นต์

แม้เขาจะรู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้างที่มาร์ค สื่อสารบางอย่าง เหมือนที่จะไม่ให้เค้ายุ่งเกี่ยวกับ facebook อีกแล้วเช่น การให้มุ่งไปที่เรียนอย่างเดียว , บริษัทจำเป็นต้องจ้างฝ่ายขายใหม่มาดูแลส่วนที่เอดูอาร์โด เคยทำ

แม้ทุกอย่างจะดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่สุดท้าย เอกสารทั้งหมดเหล่านี้ ก็ดูเหมือนทำให้เขายังกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่อย่างที่เคยเป็น แต่เอกสารก็มีเปิดประเด็นไว้ว่า จะมีการปรับสัดส่วนหุ้น หากมีนักลงทุนเพิ่ม และอาจจะมีการปรับโครงสร้างเมื่อจำเป็น

และมาร์คได้บอกกับ เอดูอาร์โด ว่าตอนนี้จำนวนสมาชิก กำลังใกล้แตะหลักล้านคนแล้ว peter thiel จะจัดงานฉลองใหญ่ขึ้น ให้เอดูอาร์โด บินกลับมาอีกครั้ง

ในใจเอดูอาร์โดตอนนี้ ทุกอย่างมันราบรื่นไปหมด facebook ก็กำลังโตอย่างรวดเร็ว จนจำนวนสมาชิกจะถึงล้านแล้ว มันถือว่าไกลมากจากจุดเริ่มต้นที่ห้องพักในฮาร์วาร์ด ยังไงเขาก็ต้องบินกลับมาเพื่อฉลองกับทีมอย่างแน่นอน

และในที่สุด เขาก็ได้ทำการหยิบปากกาจากทนาย และเริ่มเซ็นต์ในเอกสารทั้งหมด จนทุกอย่างเรียบร้อย

เปรียบเสมือนการเขียนชื่อตัวเองลงไปสุมุด death note

เปรียบเสมือนการเขียนชื่อตัวเองลงไปสมุด death note

ซึ่งหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เอดูอาร์โดเพิ่งจะทำไปนั้น เปรียบเสมือนการเซ็นต์ชื่อตัวเองลงใน สมุด death note หรือ การตัดตัวเองออกจากการมีส่วนร่วมกับ facebook อีกต่อไปนั่นเอง ตอนนี้เรื่องกำลังดำเนินมาใกล้ที่จะถึงบทสรุปของเนื้อเรื่องอันยาวนานของ series นี้แล้ว การเซ็นต์ครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับ เอดูอาร์โด แล้วแผนการทั้งหมดเหล่านี้มาร์คเป็นคนคิดเองทั้งหมดหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 11 : Relationship Status

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

Search

  • POSTS
  • TAGS

POSTS

  • Geek Story EP82 : Digital Music War (ตอนที่ 3)
  • Bill Gates เตือน ถ้าคุณไม่รวยอย่าง Elon Musk ก็อย่าไปเสี่ยงกับ Bitcoin ช่วงตลาดบูม
  • Geek Story EP81 : Digital Music War (ตอนที่ 2)
  • ELSA Startup แอปภาษาอังกฤษที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI จากเวียดนาม
  • ชาว Android เฮ ตอนนี้มี Unofficial App สำหรับ Club House แล้ว

TAGS

AI alibaba amazon android apple big data bill gates CoronaVirus Covid19 ebay elon musk facebook google huawei iphone ipod jack ma machine learning mark zuckerberg microsoft netscape paypal paypal mafia peter thiel Robot samsung SpaceX startup steve jobs Tesla ประวัติ alibaba ประวัติ alipay ประวัติ Elon Musk ประวัติ facebook ประวัติ google ประวัติ Jack Ma ประวัติ Larry Page ประวัติ mark zuckerberg ประวัติ paypal ประวัติ อีลอน มัสก์ ประวัติ แจ๊ค หม่า สตีฟ จ๊อบส์ หุ่นยนต์ แจ๊ค หม่า โคโรน่าไวรัส
December 2018
M T W T F S S
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31  
« Nov   Jan »
Proudly powered by WordPress. Theme: DW Minion by DesignWall.

อย่าลืมช่วยกด Like เพจกันด้วยนะคร้าบ!


This will close in 320 seconds