ต้องบอกว่า ณ ขณะนี้นั้น ยุค Mobile First ได้จบลงไปแล้ว สำหรับการแข่งขันของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา
ตอนนี้ ทุก ๆ บริษัทนั้นกำลังมุ่งเน้นมาที่ AI First ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ของเทคโนโลยี ที่จะมีผลต่อการแข่งขันของเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Google , Apple , Facebook , Amazon, IBM หรือ Microsoft
จากการที่ Apple ได้ทำการจ้างอดีตหัวหน้าฝ่าย Search & AI มาจาก Google ได้นั้น ต้องถือว่าเป็นการย้ายสลับขั้วที่เป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว
เป็นการเสียมือดีอย่าง John Giannandrea ซึ่งฝากผลงานไว้อย่างมากมายกับเทคโนโลยีสุดล้ำของ Google ซึ่งสุดท้ายก็ได้ทำสิ่งที่เหลือเชื่อคือ การย้ายข้ามฝากมาทำงานกับ Apple ซึ่งจะดูเป็นรองในด้าน AI เมื่อเที่ยบกับ Google
ซึ่งจากรายงานของนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley อย่าง Katy Huberty นั้น พบว่าในบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาในขณะนี้นั้น Priority ที่สำคัญที่สุดในการที่จะแข่งขันกับคู่แข่งได้ คือ การลงทุนด้าน AI ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI นั้นบริษัทเหล่านี้พร้อมที่จะทุ่มเทงบประมาณเต็มที่เสมอ เพื่อดึงตัว สุดยอดฝีมือทางด้าน AI ให้มาเข้าร่วมกับตนเองให้ได้ ดังตัวอย่างที่ Apple สามารถทำได้มาแล้ว
John Giannandrea
ซึ่งการจ้าง John Giannandrea ทำให้เค้ากลายเป็นผู้บริหารสำคัญลำดับต้น ๆ ของ Apple ในขณะนี้ โดยต้องรายงานตรงไปยัง Tim Cook CEO ของบริษัท Apple เพียงคนเดียวเท่านั้น ต้องถือว่าข่าวนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการประกาศอย่างชัดเจนว่า Apple จะเป็นผู้เล่นรายสำคัญ ในอุตสาหกรรม AI/Machine Learning ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อโลกของเราอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากทุก ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ตอนนี้ได้มุ่งเน้นมายัง AI First กันแทบทั้งหมด
การที่ apple เข้ามา Focus ในส่วนของ AI นั้น ก็เพื่อช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง SIRI ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ apple แอบซุ่มพัฒนาอยู่อย่าง self-driving car ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงทางด้าน AI และต้องใช้บุคคลากรที่มีความสามารถสูงอย่าง John Giannandrea จึงจะบรรลุเป้าหมายที่ apple ต้องการได้
AI Vendor ระดับท็อป
สำหรับ Google , Apple และ Facebook นั้น ผลิตภัณฑ์ทางด้าน AI จะเน้นไปยังกลุ่ม Consumer เป็นหลัก แต่ ถ้าพูดถึงตลาดสำหรับองค์กรนั้น จากการสำรวจ AI Vendor ระดับท็อป อย่าง Amazon , Microsoft และ IBM ผ่านการสำรวจกับ CIO ของบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา และ ยุโรป พบว่า Amazon Machine Learning ใน AWS ของ Amazon และ Microsoft Machine Learning ใน Cortana ของ บริษัท Microsoft นั้นมาเป็นอันดับหนึ่งในผลการสำรวจ โดยได้คะแนนถึง 13% จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด โดยผู้ที่เข้าร่วมตอบแบบสอบนั้นจะเป็นคนที่ใช้เทคโนโลยีทางด้าน AI หรือ มีแผนที่จะใช้เทคโนโลยีทางด้าน AI เหล่านี้อยู่แล้ว
อันดับที่ 3 คือ IBM Watson จากบริษัท IBM ที่ได้คะแนน 12% ตามมาด้วย Salesforce.com (CRM) Machine Learning ที่ได้ไป 7%
ซึ่งผลจากการที่ปีที่แล้ว IBM นั้นได้เสียหัวหน้าฝ่ายวิจัยด้าน AI ไปให้กับคู่แข่ง และการพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วของ Amazon และ Microsoft นั้นทำให้สามารถแซง IBM ที่ผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง IBM Watson ขึ้นมาได้จากการสำรวจดังกล่าว
ซึ่งการแข่งขันทางด้าน AI/Machine Learning ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของอเมริกานั้น ล้วนแล้วแล้วแต่ต้องพี่งพาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley แทบทั้งสิ้น ในทุก ๆ อุตสาหกรรม ที่มีการใช้ IT ในการขับเคลื่อนธุรกิจ
การปะทะกันรอบสองนี้ทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมากกว่าครั้งแรก หลายคนบาดเจ็บสาหัส จากการกระทำของกลุ่มตำรวจ ทำให้ภาพเหล่านี้กระจายไปยังวงกว้าง ผ่านทั้ง Social Media รวมถึงช่องทีวีต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
หลังจากข่าวล่าสุดที่ Johnson & Johnson Medical Devices Companies บริษัทจำหน่ายเครื่องมือแพทย์อันดับต้น ๆ ของโลก ได้ประกาศการเข้าซื้อบริษัท Orthotaxy จากฝรั่งเศษ ผู้พัฒนาหุ่นยุนต์ช่วยผ่าตัดกระดูกและข้อ ซึ่งรวมถึงการการผ่าตัดแบบเปลี่ยนข้อเข่าของคนไข้ได้จริง
บริษัท Orthotaxy จากฝรั่งเศษ ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 ซึ่งในขณะที่ถูกเข้าซื้อโดย Johnson & Johnson ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริการนั้น ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและวิจัย ในส่วนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าของคนไข้เท่านั้น แต่การ take over ครั้งนี้ มีสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นว่า ตลาดทางด้านการผ่าตัดกระดูกและข้อนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
ซึ่งในขณะนี้ หุ่นยนต์ผ่าตัดชื่อดังอย่าง Da Vinci ของบริษัท Intuitive Surgical ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการศัลย์แพทย์อย่างมหาศาล โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มมีการนำมาใช้ช่วยเหลือในการผ่าตัด ซึ่งโดยเฉพาะการผ่าตัดต่อมลูกหมากนั้น ถือว่า Da Vinci ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก และช่วยเหลือศัลย์แพทย์ได้อย่างมากมายในการผ่าตัด
ผลงานของ Da Vinci นั้นทำให้ Market Cap ของ บริษัท Intuitive สูงขึ้นไปถึง 47,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้ไม่แปลกใจกับการต้องกระโจนเข้ามาสู่เทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ผ่าตัดของ Johnson & Johnson ในขณะนี้เพื่อทำให้เป็นผู้นำในตลาดหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดกระดูกและข้อ ที่มีมูลค่าทางการตลาดมหาศาลให้เร็วที่สุด
ซึ่ง ในช่วงปีที่แล้วนั้น Auris ได้ใช้เงินกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ เข้า Take Over บริษัท Hansen Medical เพื่อครอบครองสิทธิบัตรที่มีประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์หลายฉบัยที่ Hansen Medical ถืออยู่
อย่างไรก็ดีรายละเอียดของข้อตกลงระหว่าง Johnson & Johnson และ Orthotaxy นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผย และยังไม่มีกำหนดการที่จะนำผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ที่ช่วยผ่าตัดกระดูกและข้อ ออกสู่ตลาด
รวมถึงการอัด Spec ต่าง ๆ นาๆ ทั้ง 6 CPU เอย 4 GPU เอย ต้องบอกว่า การทำงานนั้น User ทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่างอยู่แล้ว คือ Spec ในตอนนี้นั้น ต้องบอกว่า สามารถไปใช้งานเป็น Server ได้แล้วด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ แค่สำหรับ End User ใช้งานมือถือ เท่านั้น ต้องบอกว่าเรื่อง Spec นั้นไม่ได้เป็นจุดเด่นของแต่ละเจ้าอีกต่อไป เมื่อทุกเจ้า สามารถอัดมาได้เหมือนกันหมด จึงแทบไม่เห็นความแตกต่าง ของ Android รุ่นท็อป กับ Apple รุ่นท๊อป อีกต่อไป
พระเอกของงานตัวจริง
ต้องบอกว่า แทบจะไม่มีข่าวหลุดมาเลยสำหรับตัว AppleWatch Series 4 ที่ apple ได้เปิดตัวในปีนี้ ซึ่งทำให้โดยส่วนตัวนั้น เริ่มอยากจะหามาใช้บ้างแล้ว หลังจากไม่เคยชายตามองเลยสำหรับ Apple Watch
ข้อมูลที่เหลือเชื่อมาก ๆ คือ apple watch นั้นเป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดในโลกไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ Smart Watch เท่านั้น แต่ apple ได้ส่วนแบ่งการตลาดของวงการนาฬิกาแบบดั้งเดิมไปได้มากที่สุดไปแล้ว ซึ่งตอนเปิดตัวมาตอนแรก ไม่คิดว่า apple watch จะเดินมาได้ไกลถึงขนาดนี้
ต้องยอมรับว่า apple ทำการตลาดในเรื่อง apple watch มาอย่างดี เน้นไปในเรื่องสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยอัดเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เข้าไปมากมายให้กับผู้ใช้ ได้วัดค่าต่าง ๆ ของร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ตลาดใหม่ของ apple ซึ่งก็ต้องถือว่า apple watch นั้นเป็นผลงานชิ้นแรก ของ ทิม คุ๊ก หลังจากการจากไปของ สตีฟ จ๊อป ที่สามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยไม่อยู่ใต้เงาของผลิตภัณฑ์ที่ สตีฟ จ๊อบ เป็นผู้สร้างมา
การที่ apple เข้ามาเจาะในตลาด Healthcare อย่างเต็มตัว รวมถึงการเพิ่มความสามารถในส่วนการวัดค่า ECG ได้ หากอย่างที่ Apple โฆษณาจริง ๆ ต้องบอกว่า เป็น Features ที่ปฏิวัติ วงการเลยก็ว่าได้ ให้คนทั่วไปสามารถ คอยมอนิเตอร์ การเปลี่ยนแปลงของคลื่นหัวใจได้ และการทำงานร่วมกับ Apple Watch ก็สามารถทำให้ส่งสัญญาณเตือนให้กับผู้ใช้ได้ โดยหากยิ่งเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่แล้ว ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างมาก
และไม่ใช่แค่ผู้ป่วยเท่านั้น ที่สนใจที่จะซื้อ apple watch เพราะบรรดาลูกหลานต่าง ๆ ที่เป็นห่วงคุณพ่อ คุณแม่ หรือ คนเฒ่า คนแก่ ก็สามารถที่จะซื้อ apple watch เพื่อคอย มอนิเตอร์ ข้อมูลด้านสุขภาพของคนที่เค้ารักเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจากในงานนั้น ได้มี หมอด้านหัวใจ ออกมารับรองคุณภาพของตัวเซ็นเซอร์ตัวใหม่นี้ ซึ่งคิดว่า apple คงได้ทำการทดสอบมาอย่างดีแล้ว และทีสำคัญ ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งคิดว่า เมื่อมีการวางขายอย่างเป็นทางการของ Apple Watch Series 4 แล้วนั้น คงทำให้รายได้ของ apple เติบโตไปอีกก้าวอย่างแน่นอน ไม่ได้พึ่งเพียงแค่ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Iphone เหมือนเดิมอีกต่อไป