ฺBook Review : บันทึกลับเซินเจิ้น

มุมมองสำหรับเมืองเซินเจิ้น ของใครหลาย ๆ คนนั้น อาจจะคิดว่า เป็นเมืองแห่งของ Copy สินค้า Copy ต่าง ๆ ล้วนมาจากเมืองเซินเจิ้น ทั้งอุปกรณ์ อิเล็กโทรนิก รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย ก็สามารถหาสินค้า Copy ได้จากเมือง ๆ นี้

สำหรับมุมมองส่วนตัวของผมนั้น ก็คิดว่าเป็นเมืองหนึ่งของจีนที่เน้นทำสินค้าเลียนแบบออกมาขาย ซึ่งหารู้ไม่ว่า ผลิตภัณฑ์ระดับโลกหลาย ๆ อย่างนั้นล้วนแล้วแต่ผลิตในเมืองนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้า apple หรือ samsung ก็อาจจะมีชิ้นส่วนที่ผลิตที่เมือง ๆ นี้ทั้งนั้น

เมืองนี้เป็นศูนย์กลางแห่ง Hardware ของโลก เราเรียกฝั่งอเมริกาแถบซานฟรานว่า Silicon valley of software   แต่สำหรับเซินเจิ้น นั้น ถือได้ว่าเป็น silicon valley of hardware เลยก็ว่าได้ ทุกคนสามารถหาชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิก แทบทุกอย่างในโลกนี้ได้จากเมือง ๆ นี้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีบทบาทต่ออุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีต่อโลกของเราเป็นอย่างมาก

แต่จากการที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ตอนนี้ เมืองเซินเจิ้นก็ถือได้ว่าเป็นเมืองที่พัฒนาได้สมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าเทียบความเจริญจาก ตึกรามบ้านช่อง หรือ การคมนาคม ขนส่ง ต้องบอกว่า ตอนนี้เซินเจิ้นได้ยกระดับเมือง ให้ขึ้นมาทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ๆ ของโลกได้อย่างไม่น้อยหน้า จากเมืองที่เป็นทุ่งนาร้าง ว่างเปล่า ตอนนี้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทั้งประเทศจีน รวมถึงของโลกของเราเลยก็อาจจะว่าได้

สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผมได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ผมชอบหนังสือแนวเรื่องเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตต่างแดนในหลาย ๆ เล่มของ salmon book ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นแฟนพันธ์แท้เลยก็ว่าได้ เพราะทุกเล่มที่ได้อ่าน ก็จะได้มุมมองต่อเมืองต่าง ๆ ได้ซึมซับเอาแนวคิด วัฒนธรรม ของเมือง ๆ นั้นผ่านตัวหนังสือ เหมือนเราได้เข้าไปใช้ชีวิตในเมืองนั้นจริง ๆ เลยก็ว่าได้

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของ ศิลา บัวเพชร ซึ่งเป็นสถาปนิก หนุุ่มที่ได้ไปใช้ชีวิตในเมืองเซินเจิ้น และได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับการทำงานของเขา ผ่านวิถีชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมต่าง  ๆ ของเมือง เซินเจิ้น ทำให้เราสามารถเปิดโลกใหม่ของเมืองเซินเจิ้น ที่เราคิดว่าเป็นเมืองของแหล่ง copy ทำให้เปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อเมืองนี้ใหม่ เซินเจิ้น ถือว่าเป็นเมืองที่มีบทบาทต่อการปฏิรูปประเทศของจีน เพราะเป็นเมืองแรก ๆ ที่ได้ทำให้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ไทยเราก็กำลังดำเนินการเพื่อเลียนแบบเมืองเค้าเหมือนกัน

หนังสือบอกเล่าเรื่องราว การใช้ชีวิตกับบริษัทในต่างประเทศ การทำงานกับ เพื่อนร่วมงานที่มีหลากหลายสัญชาติ หลากหลายวัฒนธรรม การปรับตัวของผู้เขียนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิต อยู่ในเมืองเซินเจิ้นได้  ต้องบอกว่าแม้ผู้เขียนจะไม่เคยเขียนหนังสือมาก่อน แต่ก็ต้องบอกว่า การถ่ายทอดแบบ คนทั่วไปที่ไปใช้ชีวิต การเล่าเรื่องแบบธรรมชาตินั้น ทำให้เราได้รับอรรถรสในการอ่านเป็นอย่างมาก ทำให้เราสามารถที่จะจินตนาการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการใช้ชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ ต้องบอกว่าเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องได้สนุกมากๆ แม้จะเป็นประสบการณ์ไม่กี่ปีของผู้เขียนที่อยู่ที่นั่น แต่ก็ต้องบอกว่า ได้ถ่ายถอดเรื่องราวออกมาได้อย่างครบรส จึงแนะนำให้ผู้สนใจหามาอ่านเป็นอย่างยิ่ง รับรองจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

Movie Review : Only the Brave

Featured Video Play Icon

ต้องบอกตามตรงว่าไม่ได้ Feeling ที่อินกับหนังในโรงมานานแสนนานมากแล้ว เพราะส่วนใหญ่หนังที่ได้ดูในโรงจะเป็นหนังตลาดเท่านั้น ส่วนหนังดี ๆ บทดี ๆ ส่วนใหญ่ จะได้ดูผ่านทางช่องทางอื่นซะมากกว่า โดยเฉพาะพวกหนังรางวัลต่าง ๆ ที่แทบจะมีโอกาสดูในโรงหนังน้อยมาก ๆ

สำหรับเรื่อง Only the brave นั้น ผมก็ไม่เคยได้สนใจหนังเรื่องนี้มาก่อนเลยก็ว่าได้ ไม่ได้ข่าวคราวมาก่อน เข้าโรงไปโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร เป็นเรื่องที่ดูในโรงโดยที่ไม่มีข้อมูลมาก่อนเป็นเรื่องแรก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะแฟนชวนไปดู กอรปกับ งานหนักในสัปดาห์นี้ยังไม่ได้พัก จึงอยาก Relax ด้วยการดูหนังจึงชวนแฟนไปดูเรื่องนี้

สำหรับ Only the brave นั้นเป็นผลงานการกำกับของ Joseph Kosinski ซึ่งผ่านงานที่เคยคุ้นเคยน่าจะเป็นเรื่อง Oblivion ซึ่งเป็นหนังเรื่องนึงที่ผมดูไม่จบเรื่อง เพราะยังไม่ถูกจริต กับหนังแนวนี้ซักเท่าไหร่  ส่วนนักแสดงนำนั้นได้นักแสดงมากความสามารถอย่าง Josh Brolin ที่มารับบทนำ Eric Marsh หัวหน้าหน่วยดับเพลิงไฟป่า รวมถึงขวัญใจของผมอย่าง Jennifer Connelly ซึ่ง ผมเพิ่งได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง Dark Water ผ่านช่อง HBO ซึ่งติดใจการแสดงของเธอมาก ๆ และเป็นโอกาสดีที่ได้มาดูการแสดงอีกครั้งกับ only the brave ที่เธอรับบท Amanda Marsh แฟนสาวของ Eric Marsh

นักแสดงที่ผ่านบทวัยรุ่นมามากมายอย่าง Miles Teller นั้นต้องยอมรับว่าเค้าได้รับบทบาทมาหลากหลายในก่อนหน้านี้ เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ที่ Teller มารับบท Brendan McDonough ใน only the brave นั้นต้องบอกว่าเป็นการพลิกบทบาทการแสดงอย่างสิ้นเชิง เค้าต้องมารับบท อดีตเด็กติดยา ที่ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากพบว่าตัวเองนั้น จะกลายเป็นพ่อคน ซึ่งต้องหันเหชีวิตที่หักมุมครั้งหนึ่งจากการใช้ชีวิต เป็นวัน ๆ กลายมาเป็นคนที่ต้องมากลายเป็นพ่อคน และต้องเริ่มทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อย

ยอมรับตรง ๆ ว่าไม่เคยรู้กับวิธีการ ดับไฟป่ามาก่อน ว่าต้องใช้วิธีไฟดับไฟ จนมาได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้ ทั้งนี้ไม่ใช่แค่บทบาทของการเป็นนักดับไฟป่าเท่านั้น ที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่เป็นภูมิหลังของตัวละครแต่ละคนต่างหาก ที่มาดำเนินเรื่องราว ให้หนังกลายเป็นหนัง Drama ที่เข้มข้นมาก โดยเฉพาะการแสดงของทั้งสามตัวหลักที่มีภูมิหลังของชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งเหตุผลอีกอย่างที่ทำให้อิน กับหนังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ก็น่าจะเป็นเพราะหนังเรื่องนี้มีการสร้างอ้างอิงมากจากเรื่องจริงของหน่วยดับไฟป่า ดังกล่าว

การที่หนังถ่ายทอดมาจากเรื่องจริง ก็ทำให้เราอินกับหนังเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งแม้ว่าบทบางอย่างอาจจะมีการเติมแต่งเข้าไปบ้าง แต่โดยรวมก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งต้องยอมรับว่าทำให้บีบหัวใจคนดูได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องที่ทุกอย่างมันบีบคั้นสุด ๆ ทำให้หลายคนในโรงมีน้ำตาไหล ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างชัดเจนจากผู้คนในโรง  ซึ่งยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยจากหนังเรื่องไหนที่เคยดูมาก่อน แม้จะเป็นที่ Drama มากมายเพียงใด แต่เรื่องนี้ต้องยอมรับว่ามันบีบด้วยปัจจัยหลายอย่างจริง ๆ รวมถึงการแสดงที่เข้าถึงบทได้อย่างยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน ทำให้ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ประทับใจที่สุดในรอบปีนี้เลยก็ว่าได้

 

เก็บตกจากหนัง

  • นักแสดงทุกคนสวมบทบาทได้อย่างยอดเยียมมากจนคิดว่าเป็นคนนั้นจริง ๆ
  • เป็นหนังที่ถ่ายทอดมากจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
  • เราจะไม่ค่อยเห็นบทบาทแบบนี้กับนักแสดงอย่าง Miles Teller
  • ช่วงท้ายของหนังต้องยอมรับว่าบีบคั้นหัวใจมากที่สุดเรื่องนึงเลยทีเดียว

คะแนน

9.5/10


สรุป
“เป็นหนังที่จะทำให้คุณเสียน้ำตา”