Movie Review : OT ผี Overtime


Review

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ประทับใจตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ซึ่งปรกติก็ได้ดูหนังผีมาเยอะ ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่แหวกแนวมาก ๆ โดยการนำเรื่องผีมาหลอกคนดู ว่าอันไหนผีจริง หรือ อันไหนผีปลอม ซึ่งโดยรวมนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดี

หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม รันบท การันต์  , เรย์ แม็คโดนัล รับบท ที (จากภาคแรก) และ อนันดา เอฟเวอริ่งแฮม รับบท บดินทร์  เพื่อนซี้ ที่เปิดบริษัท organize ร่วมกัน และ คอยแกล้งพนักงานที่ทำ OT ( ในภาคแรก) ส่วนเนื้อเรื่องในภาคนี้ นั้น จะเป็นการแกล้ง รุ่นน้องที่กำลังจะแต่งงาน จากภาคแรกนั้นทำให้คนดูหลงกลไปกับผู้กับกับไปมากแล้วนั้น ซึ่งภาคนี้ก็ไม่ต่างกัน มีการหลอกเรื่องผีจริงกับผีปลอม แทบจะทั้งเรื่องโดยเฉพาะ ช่วงท้ายนั้นจะมาเป็นชุด ๆ ทำให้คนดูต้องคิดต่อว่า อันไหนจริง อันไหนปลอม ซึ่งถือว่า หลอกคนดูได้อย่างแยบยลมาก ๆ ซึ่งผมก็เป็นหนึงในนั้นเช่นกัน เป็นหนังที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ง่าย ๆ  เรื่องนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยม แต่ production อาจจะไม่ perfect เท่าที่ควรถ้าเทียบกับหนังค่าย GTH  ซึ่งหากทำบทที่กระชับกว่านี้นั้น น่าจะเป็นหนังคลาสสิค เรื่องหนึ่งเลยทีเดียวของหนังไทย

เก็บตกจากหนัง

  • หนังมีเรื่องเหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากภาคแรก คนที่ไม่ได้ดูภาคแรกอาจจะไม่เข้าใจในบางจุด
  • โดยรวมนั้นหลอกคนดูได้อย่างแยบยลเหมือนภาคแรกไม่มีผิด
  • ภาคนี้ ชาคริต มาในตอนท้ายเรื่องเท่านั้น

คะแนน

8/10


สรุป
“เป็นหนังผีแหวกแนวที่ควรหาโอกาสดู”

ควันหลงแดงเดือด

เวียนมาบรรจบอีกครั้งสำหรับ ศึกแดงเดือด ที่พลาดไม่ได้ทั้งปวงของสาวก แมนยู และ ลิเวอร์พูล ซึ่งนัดนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับ Steven Gerrard เพราะจะเป็น match สุดท้ายที่จะได้เล่นศึกแดงเดือดที่เกาะอังกฤษ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในอเมริกาในปีหน้า

นัดนี้ถือว่ามาเจอกันได้ถูกที่ ถูกเวลาเสียจริง ๆ เพราะทั้งสองทีมนั้น ผลงานเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูลที่มาแรงมากตั้งแต่ขึ้นปี 2015 ขึ้นมายังไม่พบกับความพ่ายแพ้ทีมใดเลย ส่วนแมนยูนั้น ก็เพิ่งถล่ม สเปอร์มาในนัดที่แล้ว ก็ถือได้ว่าเรียกความมั่นใจได้พอสมควรสำหรับการแข่งขันนัดนี้ ซึ่งเดิมพันก็สำคัญไม่แพ้กัน คือ โอกาสของตั๋วไปแชมเปี้ยนลีคในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ได้เงินเข้าสโมสรอีกมากโข

รูปเกมส์นั้น แมนยูถือว่าวางแท็กติก มาได้ดีกว่ามาก ๆ  เหมือนกับจะพบชุดที่ลงตัว ซึ่งเป็นชุดเดียวกับเกมส์ถล่ม สเปอร์ ไป 3-0 ส่วน ลิเวอร์นั้น กำลังใจดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากผ่านปีใหม่มา  แต่มาในเกมส์นี้นั้นเล่น เหมือน กล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่ไม่รู้ ไม่ค่อยลุยไปข้างหน้าซักเท่าไหร่ การครอบครองเป็นของแมนยูซะมากกว่า จนได้ประตูนำไปได้ในครึ่งแรก ซึ่งก็ถือว่าสมควร เพราะแมนยูเป็นฝ่ายเล่นดีกว่าจริง ๆ

กลับมาในครึ่งหลัง แบรนดอน รอดเจอร์ ปรับเกมส์ส่ง Gerrard เข้ามาหวังจะกระตุ้นทีมให้คึกคัก สู้กับแมนยู แต่เหตุการณ์กลับหักมุมอย่างเหลือเชื่อ Gerrard ลงไปได้แค่ 38 วินาที  แล้วก็โดยใบแดงไล่ออกจากสนามไปเฉย ๆ  ซึ่งคิดว่าคนที่ดูแมตช์ นี้คงจะอึ้งกันทุกคน  นักเตะเก๋าเกมส์อย่าง Gerrard นั้นอารมณ์หลุดไปได้ในไงในเกมส์ที่มีความสำคัญขนาดนี้ ซึ่งก็ตามคาดหลังจากเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนนั้น ก็แทบจะสู้ไม่ได้ และโดยนำไปอีกเป็น 2-0 ช่วงท้ายเกมส์ แมนยูก็เริ่มถอยลงไปตั้งรับเน้นผลการแข่งขัน  และ ลิเวอร์พูลเหมือนจะกลับมาเมื่อได้ประตูตีไข่แตกมากได้ แต่ก็ไม่ทันในที่สุดก็พ่ายไป 2-1  ซึ่งถือว่าตามรูปเกมส์ แมนยู นั้นสมควรเป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

เกมส์นี้มีเก็บตกหลังเกมส์ค่อนข้างเยอะ ทั้ง เรื่อง Gerrard โดนไล่ออก  ,  การกลับมาฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้่งของ Mata รวมถึงการยิงจุดโทษไม่เข้าของ รูนี่ย์  ซึ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าการดูบอลพรีเมียลีคนั้น จะมีเหตุการณ์ drama อยู่ตลอดเวลา ทั้งในเกมส์ เล็ก ๆ หรือ เกมส์ใหญ่ ซึ่งจะต่างจากลีค อื่น ๆ ในยุโรป ที่ไม่ค่อยจะมีเหตุการณ์ น่าระทึก หรือ ทำให้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ซึ่งนี่คงเป็นเสน่ห์ที่สำคัญ ที่ทำให้ให้ลีก อังกฤษ มีความมันส์กว่าลีคอื่น ๆ ในยุโรป